จากที่ชาติยุโรปที่นำโดยสหรัฐอเมริกา มีมติร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งต่อมาเกิดผลกระทบต่อบรรดาประเทศอียู หรือ สหภาพยุโรป ลุกลามกลายเป็นการชุมนุมประท้วงของประชาชนภายในประเทศ ที่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยือนของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่เดินทางมาเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดในกรุงเคียฟ หารือกันเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม และการเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU ของยูเครน
โดยนางเออร์ซูลา วอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ระบุว่าการเดินทางเยือนกรุงเคียฟก็เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อยูเครน ในขณะที่วันครบรอบ 1 ปีการรุกรานของรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2565 กำลังจะมาถึง
การประชุมสุดยอดในกรุงเคียฟเกิดขึ้นในขณะที่เซเลนสกี พยายามเรียกร้องให้สหภาพยุโรปมีมาตรการลงโทษรัสเซียอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่มาตรการคว่ำบาตรที่ EU เตรียมไว้ซึ่งคาดว่าจะประกาศในเร็วๆ นี้ ยังไม่รุนแรงเท่ากับผู้นำยูเครนเรียกร้อง
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปจะเริ่มการแบนผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี (refined oil) ของรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 และคณะทูต EU ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมกำลังจะมีการเห็นชอบมาตรการจำกัดราคาเชื้อเพลิงรัสเซียทั่วโลก เพื่อจำกัดความสามารถในการหาทุนทำสงครามของรัสเซีย คล้ายกับที่พวกเขาจำกัดราคาน้ำมันดิบเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ 25 กุมภาพันธ์ 2566 Blockdit World Update ได้โพสต์รายงานถึงการออกมามาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากสหรัฐทีมีต่อรัสเซียอีกว่า
“กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไอเดียบรรเจิดมาก เตรียมคว่ำบาตรกีดกัน ตู้เย็นและเตาไมโครเวฟ ส่งออกให้รัสเซีย โดยให้เหตุผลว่าอุปกรณ์ขีปนาวุธรัสเซีย ผลิตจากชิปไมโครเซอร์กิตของชาติตะวันตก
ไอเดียนี้ชวนฮามาก เพราะสหรัฐ ยุโรปนั้น ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับใช้แรงดันไฟฟ้า 110 โวลต์ตามกริดไฟฟ้าที่ใช้ในชาติพวกนี้ ไม่มีการใช้อุปกรณ์แรงดันไฟฟ้าสูงกว่านี้
แต่รัสเซียผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและใช้กริดแรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ 50 Hz ปกติก็ไม่ได้นำเข้าตู้เย็น และเตาไมโครเวฟ จากชาติตะวันตกอยู่แล้ว เพราะใช้กับแรงดันไฟฟ้ารัสเซียไม่ได้
อีกทั้งรัสเซียมีอุตสาหกรรมผลิตสินค้านี้เป็นของตนเองอยู่นานแล้ว ส่วนชิปไมโครเซอร์กิตขีปนาวุธทางทหารนั้น ใช้ชิปของโรงงานในเขตอูราล ในรัสเซียเอง ไม่เกี่ยวใดๆ กับชิปเครื่องใช้ไฟฟ้าตะวันตก
ถ้ารัสเซียจะนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้ ก็แค่นำเข้าจากเพื่อนบ้านจีน ที่ใช้อุปกรณ์และแรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ 50 Hz เหมือนกันทุกประการ และราคาแสนจะถูกกว่าผลิตจากสหรัฐ และยุโรปหลายเท่าตัว
สินค้าอุตสาหกรรมที่รัสเซีย นำเข้าจากไทย คือ รถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรกล อากาศยาน ส่วนประกอบยานอวกาศ แผงควบคุมไฟฟ้า ฯลฯ
ดังนั้นถ้ารัสเซียจะนำเข้าตู้เย็น และเตาไมโครเวฟของไทยไปก็เสียบปลั๊กไฟใช้ได้เลยไม่ง่ายกว่าหรือ? เพราะไทยไม่คว่ำบาตร ไม่กีดกันใคร ไทยรักทุกคน ชนะแน่นอน”