การเดินสายทัวร์ยุโรปของหวัง อี้และเยือนมอสโกว์สั่นสะเทือนถึงวอชิงตัน เขาประกาศชัดว่าจีนและรัสเซียมีความสัมพันธ์หนักแน่นดุจหินผา และจะร่วมสร้างโลกหลายขั้วที่ยุติธรรม แย้มข่าวปธน.สี จิ้นผิงจะพบปูตินตัวต่อตัวโดยไม่ระบุวันที่แน่นอน ขณะที่ทูตจีนในสหประชาชัตสนับสนุนผลักดันให้ UNSC มีการสอบสวนกรณีระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมอย่างโปร่งใส่ หนุนตั้งคณะสอบสวนที่อิสระ
วันที่ ๒๓ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์รายงานว่าหวัง อี้ นักการทูตระดับสูงของจีน ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)เยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ได้พบกับประธานาธิบดีปูตินและเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงของรัสเซียคนอื่นๆ ในกรุงมอสโกว์ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ รวมถึงยูเครน แม้ในขณะที่ สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกมุ่งมั่นที่จะส่งอาวุธเพิ่มเติมเพื่อให้การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน
จีนกำลังใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ซับซ้อนและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ชาวจีนกล่าวว่าจีนจะพยายามอย่างเต็มที่ในการไกล่เกลี่ย แต่แผนสันติภาพจะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายที่ทำสงครามกัน เนื่องจากเคียฟได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวอชิงตัน ซึ่งไม่สนใจการหยุดยิงทันที แต่ชอบความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเพื่อบ่อนทำลายมอสโกและเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่โดยใช้กำลัง จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นสูตรสำเร็จที่เป็นไปได้สำหรับสันติภาพที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับและสามารถทำได้ สันติภาพอาจมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมีผู้บาดเจ็บและเสียหายในสนามรบมากขึ้น ทำให้อย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจเปลี่ยนใจ
ในระหว่างที่วังพบกับปูติน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหายูเครน หวังกล่าวว่าจีนชื่นชมที่รัสเซียยืนยันความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาผ่านการพูดคุยและการเจรจา เช่นเคย จีนจะรักษาจุดยืนที่เป็นกลางและยุติธรรม และจะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมือง
นอกจากการพบปะกับปูตินในกรุงมอสโกว์แล้ว หวัง ยังได้พบกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในวันพุธ หลังจากพบปะกับนิโคไล ปาทรุเชฟ เลขาธิการความมั่นคง สภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียในวันอังคาร
Wang และ Lavrov หารือกันในเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหายูเครน หวังเน้นย้ำว่ายิ่งสถานการณ์ซับซ้อนมากเท่าไหร่ เรายิ่งไม่สามารถละทิ้งความพยายามเพื่อสันติภาพได้ หวังบอกกับลาฟรอฟว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนทจะรักษาโมเมนตัมการพัฒนาที่มั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับรัสเซีย พร้อมร่วมสร้างโลกหลายขั้วที่ยุติธรรม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การประชุมของหวังกับผู้นำสูงสุดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียแสดงให้เห็นว่ามอสโกให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับจีนอย่างมาก และยังปฏิบัติต่อแนวคิดของจีนเกี่ยวกับปัญหายูเครนอย่างจริงจัง
หลี่ ไห่ตง ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีนในกรุงปักกิ่ง(Li Haidong, a professor at the China Foreign Affairs University in Beijing) นักวิเคราะห์ชาวจีน กล่าวว่า “หากตะวันตกปฏิเสธที่จะยอมรับว่าข้อกังวลด้านความมั่นคงบางประการของรัสเซียนั้นถูกต้องตามกฎหมายและสมเหตุสมผล พวกเขาก็จะทำผิดซ้ำรอยที่พวกเขาเคยทำกับการขยายตัวของนาโต้ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งในปัจจุบันในที่สุด มอสโกว์จะไม่มีวันยอมรับข้อเสนอที่ปฏิเสธผลประโยชน์ด้านความมั่นคง ดังนั้น ความขัดแย้งจะไม่ยุติลง”
แม้ว่าเมกา-ยูเครนจะแสดงท่าทีว่าสนใจแผนสันติภาพของจีน ก็เป็นเพียงฉาบหน้าเพราะกลุ่มมหาอำนาจโลกขั้วเดียวแองโกลแซกซอน เป็นมาสเตอร์ไมน์ดของการทำลายล้างรัสเซีย ไม่ใช่ยูเครนหรือแม้แต่อเมริกาเดี่ยวๆ เรื่องแบบนี้มีหรือจีนจะไม่เข้าใจเพราะคิวต่อไปก็คือจีน แต่การชูสันติภาพไม่ทำไม่ได้เพราะเป็นความหวังรวมกันของชาวโลก แต่อย่างน้อยไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร นานาชาติทั่วโลกจะได้ตระหนักรู้ถึงเบื้องหลังสงครามโลกครั้งใหม่นั้น หากจะเกิดก็เป็นเพราะตัวต้นเหตุคือ กลุ่มแองโกลแซกซอนที่มีเมกาเป็นหัวโจก
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบโต้สหรัฐฯอย่างเผ็ดร้อนเรียกวอชิงตันว่าเป็น“ผู้ทำลายล้างอันดับต้น ๆ”บนเวทีโลก โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ แสวงหา“ความเป็นเจ้าโลก”เหนือประเทศอื่น ๆ ตอบโต้เจ้าหน้าที่อเมริกันตำหนิจีนว่าดำเนินนโยบาย“ก้าวร้าว”
ระหว่างการแถลงข่าว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนถูกขอให้ตอบคำพูดล่าสุดของเวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวหาสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าแข็งกร้าว เขาโต้กลับว่า “ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์อย่างเต็มที่แล้วว่าสหรัฐฯ เป็นผู้ทำลายกฎและระเบียบระหว่างประเทศอันดับต้นๆ ความเป็นเจ้าโลกเป็นจุดเด่นของแนวทางของสหรัฐฯในกิจการระหว่างประเทศ” เขาเสริมว่า“สหรัฐฯต่างหากที่บ่อนทำลายและเหยียบย่ำกฎระหว่างประเทศไม่ใช่จีน”
โฆษกกล่าวต่อไปถึง“การละเมิด”โดยกองทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ซีเรีย และอัฟกานิสถาน ตลอดจนการใช้มาตรการคว่ำบาตรสำหรับ“การบีบบังคับ” “การปล้นสะดม”และ“การแสวงประโยชน์”โดยกล่าวว่านโยบายต่างประเทศของอเมริกาได้“สร้างความแตกแยกและการเผชิญหน้าอันน่าสยดสยองทั่วโลก”
เขาแฉต่อว่า “การแทรกแซงของสหรัฐฯ ในยูเครนยังแสดงให้เห็นว่าวอชิงตันเป็นต้นตอของปัญหามากกว่า ‘ผู้ปกป้องสันติภาพ’ ของโลก””สหรัฐฯ ได้ทำให้สมรภูมิยูเครนล้นหลามด้วยอาวุธมากกว่าประเทศอื่นๆ” และย้ำว่า “มันทำให้ผู้คนสงสัยว่าสหรัฐฯ คิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ที่จะบอกโลกว่าต้องการสันติภาพ แต่ยังนั่งดูอุตสาหกรรมด้านทหารของตนเก็บเงินค้าอาวุธเข้ากระเป๋า”
แสบจี๊ดแบบสมน้ำสมเนื้อกับท่าทีของสหรัฐฯต่อจีนทั้งการทูตและการทหาร ที่ปล่อยอาวุธทุกรูปแบบในการโฆษณาชวนเชื่อให้เกิดโรคเกลียดกลัวจีน เกลียดชังรัสเซียทุกวิถีทาง ปรากฏการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่า แม้จีนจะยืนหยัดท่วงทำนองหนุนสันติภาพและการเจรจา แต่ก็ไม่ได้มืดบอดไม่รู้ว่าสหรัฐฯกำลังจะทำอะไรในเอเชีย-แปซิฟิกที่พุ่งเป้ามาที่จีนโดยเฉพาะ ท่ามกลางความเคลื่อนไหวปั่นป่วนทางทหารในคาบสมุทรเกาหลีและทะเลจีนใต้!!??