จากรายงานของสื่อต่างประเทศต่างออกมานำเสนอถึงการเยือนกรุงเคียฟ โดยผู้นำสหรัฐ ประกาศให้กู้อาวุธเพิ่มแก่กองกำลังผสมมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งเบื้องหลังการเดินทาง และวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นก่อนครบรอบหนึ่งปี
ทั้งนี้ในการเดินทางของผู้นำสหรัฐ ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจาก Blockdit World Update ที่นำเสนอข้อมูลอย่างน่าชวนติดตามเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเนื้อหาระบุว่า
“สหรัฐฯได้ประกาศ จะยืนเคียงข้างยูเครนเสมอไม่ต้องกลัว จะรับออร์เดอร์อาวุธตลอดไป ยูเครนยังห่างไกลจากชัยชนะ จึงจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นพิเศษ และคุยโวว่าจะไปหารถถังมาให้มากกว่า 700 คัน, รถหุ้มเกราะ 1,000 คัน, ระบบปืนใหญ่ 1,000 ระบบ
เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 50 ชุด , ระบบป้องกันทางอากาศให้กับกองกำลังผสม NATO ในยูเครน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะส่งของได้ภายในกี่ปี เพราะอังกฤษก็เพิ่งบอกว่าจะส่งเครื่องบินรบมือ 2 ให้กู้ได้ก็ต่อเมื่อสงครามจบลงแล้ว
หลังจากขายอาวุธให้กู้กับยูเครนแล้ว ผู้นำสหรัฐ จะเดินทางโดยรถไฟกลับไปยังโปแลนด์ เพื่อบอกว่าจะยืนเคียงข้างเสมอไม่ต้องกลัวให้รีบรับช่วงสงครามต่อจากยูเครน จากนั้นก็รับออร์เดอร์อาวุธกลับไป
สื่อ Wall Street Journal รายงานว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สหรัฐ ให้ยูเครนกู้ยืมอาวุธ และเงินไปแล้ว 110,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.78 ล้านล้านบาท ดังนั้น สหรัฐฯ จะส่งผู้ตรวจสอบ และผู้ตรวจการทั่วไปยังยูเครน ว่าอาวุธเงินกู้เหล่านั้นยังเหลือครบหรือไม่ และการใช้จ่ายเงินกู้โปร่งใสหรือไม่
วิเคราะห์ว่า ชาติ NATO โกดังอาวุธโล่งวางเปล่าไปตามๆ กัน จึงเป็นเรื่องยากมากที่สหรัฐ และพวกจะไปขอซื้ออาวุธมือ 2 จากชาตินอกกลุ่ม NATO มาขายต่อให้ยูเครน
เพราะนานาชาติเห็นบทเรียนสหภาพยุโรปมาแล้ว ว่าขายอาวุธต่อจนเกลี้ยงและอ่อนแอปกป้องตนเองไม่ได้อยู่ตอนนี้ และยิ่งสถานการณ์ความมั่นคงทั่วโลกไม่แน่นอน ทุกชาติจำเป็นต้องกอดอาวุธไว้ป้องกันประเทศ
จึงไม่อาจขายให้สหรัฐ และกลุ่ม NATO ได้เหมือนที่ทุกชาติทั่วโลกต่างพากันปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้นสหรัฐ จะต้องผลิตอาวุธขึ้นใหม่เองซึ่งการส่งของจะล่าช้ามาก อีกทั้งสหรัฐ ยังต้องสงวนอาวุธไว้ขายให้ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปั่นสงครามกับจีน
ที่รับปากยูเครน ว่าจะยืนเคียงข้างขายอาวุธให้เสมอ จึงน่าจะเป็นแผนส่งอาวุธระยะยาว ไม่ใช่ส่งของในทั้งหมดในตอนนี้ แม้ทยอยส่งมาเท่าไร ฝ่ายรัสเซียก็จะทำลายหมด”
