จากเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าว topcor รายงานถึง หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาเปิดเผย บอลลูนของสหรัฐฯ ล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของจีนอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 10 ครั้งต่อปี
ทั้งนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยังระบุอีกว่า ทางวอชิงตันไม่ได้พยายามขออนุญาตจากปักกิ่งสำหรับเที่ยวบินเหล่านี้ด้วยซ้ำ การนำบอลลูนของสหรัฐเข้าสู่น่านฟ้าของรัฐอื่นอย่างผิดกฎหมายถือเป็นเรื่องปกติ ถึงการรุกรานอย่างผิดกฎหมายในท้องฟ้าของจีนที่ดำเนินการโดยสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กิจกรรมของสื่อตะวันตกเกี่ยวกับหัวข้อบอลลูนบนท้องฟ้าของสหรัฐอเมริกาและแคนาดานั้นเกิดจากความต้องการลดคำวิจารณ์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอลลูนความสูงหลายชนิดบินอยู่ในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ของโลกเป็นประจำ เพื่อทำงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่จีนบินเหนือสถานที่ลับของสหรัฐฯ การต่อสู้กับเป้าหมายทางอากาศดังกล่าวก็แพร่หลายออกไป
ล่าสุดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 Blockdit World Update โพสต์ถึงสถานการณ์ของจีนที่มีต่อสหรัฐในการเข้มาแทรกแซงไต้หวันด้วยว่า
“ปี 2492 สหประชาชาติ รวมถึงสหรัฐ ให้การรับรองว่าเกาะไต้หวัน เป็นมลฑณหนึ่งในอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของประเทศจีน ปัจจุบันไต้หวันมีประชากร 22 ล้านคน ต้องการแยกเอกราชจากจีน
แต่มีประเทศในโลกขนาดเล็กรับรองไม่ถึง 5 ชาติ ที่เหลืออีกกว่า 195 ชาติไม่ให้การรับรอง แม้แต่สหรัฐ หรือสหภาพยุโรป ก็ไม่เคยรับรองว่าไต้หวันเป็นประเทศ และไม่มีชาติใดไปตั้งสถานทูต
สหรัฐ เป็นชาติที่ค้าอาวุธ จึงปลุกปั่นยุยงไต้หวันให้กระด้างกระเดื่องตั้งผู้ปกครองไต้หวันคล้ายรัฐเสมือน เพื่อประโยชน์ในการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารให้ไต้หวัน เป็นภัยความมั่นคงต่อจีน
เดือนกันยายน 2565 สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ แล้วกระจายแบ่งผลประโยชน์ให้บริษัทผลิตอาวุธที่สนับสนุนเงินทุนให้กับพรรคการเมืองของสหรัฐ
คือ บริษัท Raytheon มูลค่า 412 ล้านดอลลาร์ เพื่ออัปเกรดเรดาร์ทางทหาร เครื่องบินขับไล่ไอพ่นและเรือฟริเกต , บริษัท Boeing มูลค่า 355 ล้านดอลลาร์เพื่อขายขีปนาวุธ Harpoon โดยทางการจีนตอบโต้โดยยกเลิกซื้อเครื่องบิน Boeing ทั้งหมดเกือบ 300 ลำ
สหรัฐเพิ่งใช้ขีปนาวุธยิงบอลลูนตรวจสภาพอากาศของจีนตก 1 ลูกในมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งที่ตั้งแต่ พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา กลาโหมสหรัฐ ก็ส่งบอลลูนสอดแนมจำนวน 10 ลูกไปลุกล้ำเหนือท้องฟ้าเขตซินเจียง และทิเบต”