เสียงเตือนเครียดจากรัสเซียที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯและพันธมิตรในช่วงเวลาแห่งการจัดฉากโจมตีวัตถุบินได้ทั้งบอลลูนและUFO อย่างเอาการเอางาน ฝ่ายทหารรัสเซียเปิดเผยว่า สหรัฐฯ กำลังซุ่มสร้างยานอวกาศรบที่สามารถทำลายดาวเทียมของรัสเซียได้ และตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯอ้างว่าโครงการนี้ปิดตัวลงในปี ๒๕๓๖ แต่ปัจจุบันยังคงมีการดำเนินงานอยู่โดยพฤตินัย
นักการทูตอาวุโสของรัสเซียเตือนซ้ำอีกว่าสหรัฐฯและพวกกำลังเปิดเผยทรัพย์สินในอวกาศของพลเรือนให้ถูกโจมตีจากรัสเซียและพันธมิตร เพราะนำไปใช้ประโยชน์ทางทหาร คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนาโต้เปิดเผยแผนสำหรับกองเรือตรวจการณ์อวกาศที่จะใช้ดาวเทียมร่วมเพื่อการพาณิชย์และการทหารในการปฏิบัติภารกิจ โปรแกรมสตาร์วอร์ส
วันที่ ๑๗ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า พลตรีอนาโตลี เนสเตชุก (Anatoly Nestechuk)หัวหน้าสถาบันอวกาศทหารโมชัยสกี้ (Mozhaisky) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า “สิ่งที่เรียกว่ายานอวกาศต่อสู้ขนาดเล็กกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และตัวอย่างบางส่วนได้รับการพัฒนาแล้วและกำลังอยู่ในระหว่างการทดลอง พวกมันสามารถทำการซ้อมรบแบบลับๆ เข้าใกล้ยานอวกาศของเราอย่างใกล้ชิด เพื่อทำลาย”
เนสเตชุคกล่าวว่า “แม้ว่าโครงการของสหรัฐฯ จะอ้างว่าปิดตัวลงในปี 2536 แต่โดยพฤตินัยยังคงมีอยู่ในปัจจุบันโปรแกรม SDI ยังไม่สิ้นสุด มันดำเนินต่อไปมีการเปลี่ยนแปลงและขยับตำแหน่งใหม่”
ขณะเดียวกัน รองผู้อำนวยการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย คอนสแตนติน โวรอนท์สตอฟ (Konstantin Vorontsov, deputy director of the Russian foreign ministry’s department) ยืนยันอีกคนหนึ่งว่า “การแพร่ขยายและไม่ควบคุมอาวุธ จากโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนในอวกาศ ที่สหรัฐฯและพันธมิตรใช้ระหว่างความขัดแย้งในยูเครน จะกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการโจมตีตอบโต้จากรัสเซีย”
“ในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เราให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อแนวโน้มที่อันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งนอกเหนือไปจากการใช้เทคโนโลยีอวกาศที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน ขณะนี้สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้ส่วนประกอบของพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานในอวกาศ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเชิงพาณิชย์ เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารอย่างชัดเจนแล้ว” เขาได้เปิดเผยในที่ประชุมโต๊ะกลมเกี่ยวกับการทหารในอวกาศ ซึ่งจัดโดยสภาสูงของรัฐสภารัสเซีย
นักการทูตย้ำว่า “เราชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวหมายถึงการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางอาวุธโดยตัวแทน โครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศกึ่งพลเรือนประเภทนี้อาจกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องสำหรับการโจมตีเพื่อตอบโต้จากรัสเซียต่อไป”
“การใช้ดาวเทียมพลเรือนอย่างยั่วยุเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสนธิสัญญาอวกาศรอบนอกพ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งกำหนดเฉพาะสำหรับการใช้อวกาศอย่างสันติ กำลังถูกละเมิดโดยสหรัฐและพันธมิตร”
ก่อนการประกาศโครงการอวกาศใหม่ของ NATO ในวันพุธที่ผ่านมาเลขาธิการนาโต้ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก(Jens Stoltenberg) กล่าวว่า “กลุ่มที่นำโดยสหรัฐฯ จะใช้ดาวเทียมเชิงพาณิชย์เป็นผู้สนับสนุนทางการทหาร สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงข่าวกรองและการเฝ้าระวังของเรา และสนับสนุนภารกิจและปฏิบัติการของนาโต้”เขาเสริมว่าสิ่งนี้จะช่วยให้“การนำทาง การสื่อสาร และการเตือนการยิงขีปนาวุธล่วงหน้าดีขึ้น”
หัวหน้า NATO เปิดเผยโครงการในขณะที่เขารายงานว่าองค์กรกำลังทำอะไรเพื่อช่วยเหลือกองกำลังยูเครนกับรัสเซีย
การหลอมรวมกันระหว่างยุทโธปกรณ์ของพลเรือนและทางทหารในความขัดแย้งของยูเครนมาถึงระดับแนวหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว SpaceX ประกาศว่ากำลังจำกัดการทำงานของระบบอินเทอร์เน็ตอวกาศ Starlink ซึ่งหมายความว่ากองทหารของเคียฟไม่สามารถใช้มันเพื่อควบคุมโดรนไปโจมตีรัสเซียได้อีก แต่ในข้อเท็จจริงยังคงเห็นการโจมตีจากโดรนของยูเครนอยู่ บ่งบอกว่านโยบายเป็นอย่างหนึ่งแต่การปฏิบัติอาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง และความจริงแล้วดาวเทียมของสหรัฐฯและตะวันตกไม่ได้มีเพียงของสตาร์ลิงก์เท่านั้นที่โคจรอยู่บนท้องฟ้า
Elon Musk ซีอีโอถึงกับออกมายืนยันเองว่า Starlink เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการทหาร และเขาไม่ต้องการให้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้เพื่อเพิ่มความเป็นปรปักษ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิด “สงครามโลกครั้งที่สาม” แต่เขากล่าวเสริมว่าระบบยังคงใช้งานได้สำหรับกองทัพยูเครนในการสื่อสาร แม้ว่า SpaceX ในฐานะบริษัทเอกชนสามารถปิดเทอร์มินัลได้ง่ายๆก็ตาม
สภาพความไม่เป็นเอกภาพหรือที่แท้เป็นนิสัยพูดอย่างทำอย่างของทีมงานสหรัฐฯผุดออกมาบ่อยมากขึ้นในช่วงความขัดแย้งสงครามตัวแทนยูเครน ล่าสุดขณะที่แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯบอกสื่อว่าสหรัฐฯไม่ได้บีบบังคับหรือสนับสนุนให้ยูเครนโจมตีไครเมีย แต่วิกตอเรีย นูแลนด์ รัฐมนตรีช่วยว่าการการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ชัดถ้อยชัดคำวันเดียวกันเลยว่า “คาบสมุทรไครเมียจะต้องปลอดทหารอย่างน้อยที่สุดยูเครนจะไม่รู้สึกปลอดภัย ในขณะที่จุดจบในอุดมคติของความขัดแย้งในปัจจุบันคือต้องมีการปฏิวัติในมอสโกว์”
นูแลนด์ย้ำว่า “จุดยืนของสหรัฐฯ คือยูเครนเป็นหนี้และต้องชำระดินแดนทั้งหมดภายในพรมแดนระหว่างประเทศซึ่งหมายถึงไครเมียด้วย”
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เลยเชียว ที่แท้แล้วไม่ใช่แต่โปแลนด์เท่านั้นที่ต้องการดินแดนภาคตะวันออกของยูเครน ส่วนสหรัฐฯต้องการไครเมียและดินแดนทั้งสี่ที่เข้าร่วมรัสเซียมาร่วมใช้หนี้เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรนั่นเอง ไอ้ที่ยังดันให้รบต่อไปเพราะกลัวหนี้สูญผิดแผนอดได้เสพทรัพยากรของยูเครน บ่งบอกความคิดชั่วร้ายหยั่งรากแบบนักล่าอาณานิคมอย่างแท้จริง!!??