บักมุตเมืองยุทธศาสตร์ที่อยู่ระหว่างโดเนตสค์และลูฮันสค์ที่กลุ่มวาร์กเนอร์ขับเคี่ยวกับกองกำลังผสมของเคียฟอย่างดุเดือดมาหลายเดือน ล่าสุดสำนักข่าวเอพีสื่อหลักตะวันตก ได้เผยแพร่ภาพผู้บัญชาการยูเครนสวมเครื่องแบบ ISIS สัญลักษณ์ผู้ก่อการร้ายที่เมกาชอบอ้างว่าเป็นผู้ปราบแต่ความจริงเป็นผู้สนับสนุนหลักมากกว่า เพราะเห็นมาโผล่ในสนามรบยูเครนบ่อยครั้ง คราวนี้แพร่อย่างจงใจและดูเหมือนจะภูมิใจด้วยซ้ำ สอดคล้องกับที่รัสเซียเปิดโปงรัวๆว่า สหรัฐฯคือกำลังฝึกและส่งผู้ก่อการร้ายเข้ามาปฏิบัติการวินาศกรรม และใช้ยุทธวิธีก่อการร้ายโจมตีรัสเซียทั้งในสนามรบยูเครนและในประเทศรัสเซีย
กลุ่มวาร์กเนอร์เป็นหน่วยทหารเอกชนที่รู้ฝีมือและเคยปะทะกันมาหลายพื้นที่แล้วทั้งในตะวันออกกลางและอาฟริกา มีหรือจะหวาดหวั่น รัสเซียยังมีหน่วยรบอาสาสมัคร และหน่วยพิเศษที่พร้อมลุยกับพวกนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ผู้นำกลุ่มวาร์กเนอร์ถึงกับประกาศท้าให้รีบส่งรถถังและบินรบตะวันตกมาเลย ถ้าเจอเมื่อไหร่จะเผาให้ราบเป็นหน้ากลอง
วันที่ ๑๖ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ รายงานว่าเยฟนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งและผู้บังคับบัญชากลุ่มวาร์กเนอร์ (Evgeny Prigozhin)กล่าวว่า “ยุทโธปกรณ์ทางทหารของเคียฟจากตะวันตกจะถูกทำลายสิ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
กองกำลังรัสเซียจะสามารถยึดบัคมุตหรืออาร์ติมอฟ (Bakhmut/Artyomovsk) ได้ในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนที่จะถึงนี้
ปริโกชินตั้งข้อสังเกตว่า “เวลานั้นคาดเดาได้ยาก เนื่องจากเคียฟยังคงได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากประเทศตะวันตก” “การส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของตะวันตก เช่น รถถังหลักเลพเพิร์ต (Leopard) ที่ผลิตในเยอรมัน อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิบัติการ แต่พวกเราเรียนรู้วิธีทำลายเสือดาวเหล่านี้ ๑๐๐% และจะเรียนรู้วิธีเผาพวกมันแบบ ๑๐๐%ด้วย”
Prigozhin ยังพูดถึงสาเหตุที่เคียฟยืนกรานที่จะยึดบัคมุตไว้ทั้งที่เสียกำลังคนมากมายต่อเนื่อง น่าจะมีมีเหตุผลหลักสามประการ
เหตุผลประการแรกเป็นเรื่องการเมืองภาพใหญ่ เนื่องจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัคมุตได้กลายเป็นสตาลินกราดใหม่โดยพื้นฐานแล้ว ซึ่งเป็นเมืองที่มีการสู้รบที่โหดร้ายที่สุดระหว่างกองกำลังโซเวียตและกลุ่มสุดโต่งลัทธิทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และพิสูจน์แล้วว่าเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามเมื่อโซเวียตกำชัยชนะ
เหตุผลที่สองสำหรับยูเครนคือยุทธศาสตร์ เนื่องจากเมืองนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันยูเครนความยาว ๗๐ กม. ที่สร้างขึ้นหลังจากเคียฟเริ่มการสู้รบใน Donbass ในปี ๒๐๑๔ เป็น “ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ดีสำหรับปฏิบัติการทางทหาร”
เหตุผลที่สามคือขวัญกำลังใจ ตราบเท่าที่บัคมุตยืนหยัดอยู่ ขวัญกำลังใจของกองทัพยูเครนจะยังคงสูง โดยทั่วไปแล้วกองกำลังของเคียฟมีขวัญกำลังใจที่ดีเพราะมั่นใจว่าได้รับการสนับสนุนจากขาใหญ่ตะวันตก แต่นั่นไม่ใช่กรณีที่พวกเขาจะขวัญเสียและวิ่งหนีในสมรภูมิที่หฤโหดบางจุด
ขณะเดียวกันนักบินของวาร์เนอร์ PMC ประเมินว่าเครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ จะบรรลุผลสำเร็จใดอย่างไรเมื่อพิจารณาจากเครือข่ายระบบป้องกันภัยทางอากาศที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพของรัสเซีย
ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานรายหนึ่งของ PMC แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพในการส่งมอบเครื่องบินทหารที่ออกแบบโดยตะวันตกให้กับกองทัพยูเครน เนื่องจากเคียฟได้ร้องขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากสหรัฐฯ และพันธมิตรของนาโต้ถึงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูง เขาชี้ว่าจะมีปัญหามากมายในการจัดตั้งศูนย์ซ่อมและจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบิน F-16 ที่มีราคาแพง โดยสังเกตว่าการพูดคุยเรื่องการส่งมอบเครื่องบินไอพ่นของตะวันตกนั้นยังเป็นเพียงเสียงบ่นรบกวนของยูเครนมากกว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
เขากล่าวย้ำว่า ” F-16 “จะทำอะไรที่นี่ได้ ดูไร้ประโยชน์เมื่อพิจารณาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียที่มีอยู่ทั่วไปหมด มันจะทำให้เครื่องบินไอพ่นไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่สู้รบได้ ระบบของเรามีประสิทธิภาพมากกว่าของศัตรู แต่เราก็ยินดีต้อนรับการมาเยือน”
เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า กองทัพอากาศของยูเครนประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในช่วงปีที่ผ่านมา และนักบินส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือ”เยาวชนในอินสตาแกรม”ในขณะที่กองทัพอากาศของรัสเซียประกอบด้วยมืออาชีพที่ช่ำชองและมีประสบการณ์การสู้รบอย่างโชกโชน
อย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตว่าปืนใหญ่ของ NATO เป็นสิ่งที่กลุ่ม Wagner มีประสบการณ์มากมายอยู่แล้ว แม้ว่าตะวันตกจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับการเผชิญหน้าครั้งก่อน ๆและก็พ่ายแพ้มาแล้วด้วย แต่เขาสังเกตว่าระบบปืนใหญ่ที่พวกเขาเคยเผชิญหน้ากันในอดีตนั้นก้าวหน้ากว่าระบบปัจจุบันที่ส่งไปยังเคียฟเสียอีก
ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า “พวกเขาสอนเราหลายอย่าง และเราได้พัฒนายุทธวิธีในการทำสงครามด้วยปืนใหญ่ของเราเอง แต่นั่นเป็นความลับของเรา เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเราเองที่ตะวันตกยังไม่เข้าใจ”!!