นักข่าวอเมริกัน ไขปริศนาแฉ สหรัฐ คุยแบล็คเมลนายกฯเยอรมนี-นักเขียนฝรั่งเศส เปิดลึก ยูเครนเคลื่อนพลเมืองบูชาปฏิบัติภารกิจลับ

0

นักข่าวอเมริกัน ไขปริศนาแฉ สหรัฐ คุยแบล็คเมลนายกฯเยอรมนี-นักเขียนฝรั่งเศส เปิดลึก ยูเครนเคลื่อนพลเมืองบูชาปฏิบัติภารกิจลับ

จากกรณีที่เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนตึงเครียด ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม (Nord Stream) ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังยุโรป เกิดการรั่วไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ และเกิดกับทั้งท่อส่ง นอร์ดสตรีม 1 และนอร์ดสตรีม 2 ท่อส่งก๊าซทั้งสองเป็นท่อหลักที่ลำเลียงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังคลังรับจ่ายก๊าซในเยอรมนีเพื่อกระจายต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วยุโรป

ล่าสุดวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2566) ทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่สื่อตะวันตก ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ โดยบอกว่า ยุโรป มีจุดแข็ง คือ ภูมิรัฐศาสตร์ใกล้แหล่งพลังงาน และสินแร่จากสหภาพโซเวียต ที่ต่อมาแตกเป็น 15 ประเทศ ในนั้นคือ รัสเซีย ยูเครน คาซัคสถาน ฯลฯ ทำให้ยุโรปนำเข้าพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ราคาถูก มาพัฒนาอุตสาหกรรมรุ่งเรืองมากว่า 5 ทศวรรษ

ส่วนสหรัฐ มีจุดแข็งคือ ผลิตพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ได้เองราว 85% ส่วนที่ขาดน้ำเข้าจากรัสเซีย และตะวันออกกลาง แล้วส่งออกขายให้ชาติบริวารกินกำไรอีกต่อหนึ่ง ภายหลังสหภาพโซเวียต ล่มสลายลง สหรัฐ กับสหภาพยุโรป (EU) เริ่มชิงดีชิงเด่นกัน ต่อมาสหรัฐ ปั่นสงครามใจกลางยุโรป ระดมทิ้งระเบิดใส่พลเรือนยูโกสลาเวีย นาน 3 เดือน ยุโรปเกิดการแตกร้าวภายในเศรษฐกิจถดถอยย่ำแย่

ยูโกสลาเวีย แตกออกเป็นชาติเล็กอีกหลายชาติ จากนั้นมา สหรัฐ กับ สหภาพยุโรป แม้ภายนอกจะดูหวานชื่น แต่ภายในกลายเป็นมวยคู่เอกทำสงครามการค้ากันเรื่อยมา ผลัดกันแพ้ – ชนะ มาตลอด แต่กินกันไม่ลง สหรัฐ เกิดไอเดียว่า ต้องแตกสลายสหภาพยุโรป ให้เป็นเสี่ยงจึงจะชนะขาดเบ็ดเสร็จควบคุมยุโรปได้ ขั้นแรกต้องแตกสหราชอาณาจักรออกมาจากกลุ่ม EU แล้วหันไปแว้งกัดยุโรปทำสงครามการค้ากันก่อน ขั้นนี้สำเร็จไปแล้ว

ขั้นถัดไปต้องทำลายชาติมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดใน EU คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ตามลำดับให้อย่าขาดจากพลังงานรัสเซีย โดยสร้างหนอนขึ้นมาในกลุ่ม EU คือ โปแลนด์ นอร์เวย์ และเป่าหูว่าจะผลักดันให้ขึ้นมาใหญ่แทนเยอรมนี ฝรั่งเศส ขั้นนี้สำเร็จไปแล้วเช่นกัน

หนังสือพิมพ์ Berliner ของเยอรมนี รายงานว่านายซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวสืบสวนชาวอเมริกัน เบอร์ต้นของโลกที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์การันตี ได้ออกมาแฉปริศนาใหญ่โลกสะเทือนว่า เริ่มจากช่วง ธ.ค.2021 ต่อมาถึง ม.ค.2022 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ หารืออย่างลับๆ กับทีมความมั่นคงแห่งชาติ ต่อมาเขาข่มขู่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลล์ ผู้นำเยอรมนี ว่าห้ามเปิดใช้ท่อส่งก๊าซ Nord Stream2 ไม่เช่นนั้นจะทำลายทั้งท่อ 1 และ 2 ทิ้ง

ก.พ.2022 เริ่มต้นสงครามยูเครน ผู้นำสหรัฐ สบช่องข่มขู่แบล็คเมล์ผู้นำเยอรนีอีกครั้ง ให้เริ่มคว่ำบาตรพลังงานน้ำมันและก๊าซรัสเซีย แต่ช่วงนั้นเยอรมนียังลังเล ทีมทำเนียบขาวสั่งการ CIA ให้ใช้ระเบิดชนิดที่สามารถควบคุมได้จากระยะไกลด้วยเครื่องมือไฮโดรอะคูสติกใต้น้ำ โดยเป็นความลับสุดยอด และประธานาธิบดีไม่ควรบอกใครเกี่ยวกับขีดความสามารถก่อการร้ายของสหรัฐฯ ในเวลานั้นผู้นำเยอรมนีทราบแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะคัดค้านได้อย่างไร จึงแสดงออกอย่างคลุมเครือ

ปลาย มี.ค.2022 สหประชาชาติ จัดให้ยูเครน รัสเซีย เจรจาสันติภาพกันที่ตุรกี ผลการเจรจาออกมาลงตัวมาก ยูเครน ตกลงแก้รัฐธรรมนูญไม่เข้าร่วมกลุ่ม NATO และเป็นกลางทางทหาร รัสเซีย พอใจตกลงถอนทหารกลับออกจากปิดล้อมกรุงเคียฟ แคว้นซูมี คาร์คีฟ ไปตั้งมั่นยังลูฮันสค์ โดเนตสค์ ซาโปริชเซีย เคอร์ซอน แต่เมื่อรัสเซีย ถอนทหารกลับไปหมดสิ้นแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายก็ถูกหักหลัง กลายเป็นจุดเปลี่ยนสันติภาพอย่างสิ้นเชิง

วันที่ 1-3 เม.ย.2022 ทีมนักรบรับจ้างต่างชาติ และนักรบ Azov ยูเครน ทำการค้นบ้านในเมืองบูชา ชานกรุงเคียฟ เป้าหมายคือผู้ที่ผูกผ้าขาวที่แขน- ขา ให้ออกมานอกบ้านพร้อมตัดสินว่า “พวกเขาทรยศชาติ” จัดการประหารชีวิตหมู่ข้างถนน

นาย Adrien Bocquet นักเขียนชาวฝรั่งเศสเดินทางไปยูเครน เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เขาได้เห็นการเตรียมการจัดฉากสังหารหมู่ในเมืองบูชา ชานเมืองหลวงกรุงเคียฟ เพื่อโยนบาปกองทัพรัสเซียสังหารหมู่พลเรือน

เขาอยู่ในรถยนต์ ขณะที่เคลื่อนผ่านเมืองบูชา เขาเห็นร่างคนถูกนำออกจากรถบรรทุกและวางข้างๆ ศพที่นอนอยู่บนพื้นเพื่อจัดฉากสังหารหมู่ เพื่อนร่วมงานของเขาอีกคน เห็นรถบรรทุกตู้แช่เย็นจากเมืองอื่นๆ ของยูเครนมาที่เมืองบูชาขนศพออกมาจัดฉากสังหารหมู่เรียงเป็นแถว มีผู้เสียชีวิตเกลื่อนกว่า 400 ราย ทางฝ่ายสหรัฐ อังกฤษ ประโคมข่าวทันทีว่าเป็นฝีมือก่ออาชญากรรมสงครามของทหารรัสเซีย ทั้งที่เหตุร้ายเกิดหลังการถอนทหารออกไปหมดแล้ว รัสเซียจึงปฏิเสธ พร้อมแสดงหลักฐาน

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454