ความเคลื่อนไหวล่าสุดในเอเชียที่เป็นที่จับตา คือจีน-อิหร่านพบกันอย่างเป็นทางการ และร่วมลงนามในเอกสารความร่วมมือ ๒๐ ฉบับและบันทึกความเข้าใจอื่นๆ ในการประชุมระดับสูงที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ปธน.สี จิ้นผิงเชิญ ปธน.อิบรอฮีม ไรซีของอิหร่านเยือนจีนระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ก.พ.นี้ต่างยืนยันว่า ทั้งสองประเทศจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน รวมทั้งร่วมมือกันในการเผชิญกับโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงและซับซ้อน สี ยืนยันว่าจีนจะยังคงความสัมพันธ์ฉันมิตรกับอิหร่านไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร
ขณะเดียวกันในความเคลื่อนไหวของตะวันตกโดยเฉพาะรัฐสภาอังกฤษได้ประกาศหนุนอังกฤษเข้าร่วมกลุ่มAUKUS มุ่งเป้าต้านจีนอย่างโจ่งแจ้ง ประเด็นนี้สื่อทางด้านทหารของจีนออกมาวิเคราะว่า ความพยายามทั้งหมดของอังกฤษและพันธมิตรทางทหารเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นจะล้มเหลวแน่นอน
วันที่ ๑๕ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวซินหัวและทาสนิมนิวส์รายงานว่า ปธน.สี จิ้นผิง แห่งจีน ได้จัดการเจรจาหารือกับนายอิบราฮิม ไรซี ปธน.แห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
สีฯชี้ให้เห็นว่าจีนและอิหร่านมีมิตรภาพแบบดั้งเดิมและความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างแน่นแฟ้น ได้ต้านทานการทดสอบความผันผวนระหว่างประเทศต่างๆ
ในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนในโลก เวลา และประวัติศาสตร์ จีนและอิหร่านได้สนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ รวบรวมความไว้วางใจเชิงกลยุทธ์ที่มีร่วมกัน และสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในความร่วมมือเชิงปฏิบัติ ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน ปกป้องความยุติธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ และร่วมกันเขียนบทใหม่ในมิตรภาพจีน-อิหร่านซึ่งจะพัฒนายิ่งๆขึ้นต่อไป
สีเน้นย้ำว่าจีนกำลังเดินหน้าฟื้นฟูชาติจีนในทุกด้าน ผ่านเส้นทางจีนสู่ความทันสมัย ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงและเปิดกว้างอย่างแน่วแน่ ตลอดจนสนับสนุนสันติภาพของโลกและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันกับมิตรประเทศ
จีนมองและพัฒนาความสัมพันธ์กับอิหร่านจากมุมมองทางยุทธศาสตร์มาโดยตลอด โดยสังเกตว่าไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนจะพัฒนาความร่วมมือฉันมิตรกับอิหร่านอย่างไม่หยุดยั้ง ผลักดันการพัฒนาใหม่ของยุทธศาสตร์ ความเป็นหุ้นส่วนและมีบทบาทเชิงบวกต่อสันติภาพของโลกและความก้าวหน้าของมนุษย์
ด้านปธน.ไรซีแห่งอิหร่านกล่าวว่า “มิตรภาพที่ผ่านการทดสอบระหว่างอิหร่านและจีนนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในฐานะสองประเทศหลักที่เป็นอิสระ ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับจีนมีพื้นฐานมาจากจิตวิญญาณของความเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่จริงใจซึ่งคู่ควรแก่ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน”
ไรซีเน้นย้ำว่า “ความมุ่งมั่นในการกระชับและยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างอิหร่านและจีนนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาค
ในขณะเดียวกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการกลาโหมของสภาสหราชอาณาจักรได้จัดการประชุมว่าด้วยการขยายแนวร่วมป้องกันสามฝ่ายที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา (AUKUS) โดยมีความเป็นไปได้ที่อินเดียและญี่ปุ่นจะรวมอยู่ด้วย รายงานข่าว China Military เปิดเผยว่าแผนนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ความพยายามทั้งหมดของสหราชอาณาจักรและพันธมิตรในการบ่อนทำลายความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นย่อมไร้ผล
เป็นที่น่าสังเกตว่าเป้าหมายร่วมกันของประเทศดังกล่าวข้างต้นคือการจัดตั้งพันธมิตรนี้ เพียงเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของตะวันตก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตามมันชวนให้นึกถึงการสร้างกลุ่มการเมืองการทหารในเขตนี้คล้ายกับนาโต้นั่นเอง เรื่องนี้ทางคิม จองอึนผู้นำเกาหลีเหนือเรียกว่า นาโต้ภาคเอเชีย
การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ซึ่งเสมือนเป็นผลให้อังกฤษไม่ต้องแบบภาระของประเทศอื่นๆในยุโรป แต่ยังถูกกีดกันทางการเมืองจากประเทศตะวันตกอื่น ๆ ในแง่หนึ่งด้วย จึงทดแทนด้วยการสร้างสายสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารกับพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐอเมริกา คำถามเกี่ยวกับการขยายตัวของ AUKUS มีแนวโน้มจะทำให้ลอนดอนไม่เพียงแสดงความมุ่งมั่นในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับวอชิงตัน แต่ยังปรับปรุงตำแหน่งในเวทีระหว่างประเทศอีกครั้ง
สิ่งสำคัญคือต้องกล่าวถึงข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับการเข้าถึงซึ่งกันและกัน ซึ่งสรุปเมื่อเดือนที่แล้วระหว่างสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการป้องกันระหว่างรัฐต่างๆ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ฝ่ายต่าง ๆ หากจำเป็นสามารถส่งกำลังทหารไปยังดินแดนของประเทศของตนได้
ความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการพัฒนาของจีน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแองโกลแซกซอนกับจีนเสื่อมลงอย่างชัดเจน หลังจากริชชี ซูนาคเข้าปกครองอังกฤษ ตั้งแต่นั้นมาแรงกดดันต่อบริษัทจีนก็เพิ่มขึ้น การแทรกแซงอย่างร้ายแรงในกิจการภายในของจีนก็เริ่มขึ้นอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งเป็นการละเมิดบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ตะวันตกดูเหมือนจะไม่ยอมรับว่า พวกเขาคือผู้ที่แบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดต่อวิกฤตยูเครน เช่นเดียวกับในช่วงสงครามเย็นซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ประเทศต่างๆ ในเอเชียได้รับการสั่งสอนจากประสบการณ์อันขมขื่นมาช้านาน โดยได้ผ่านความขัดแย้งและสงครามหลายครั้งในอดีต ดังนั้น ความพยายามทั้งหมดของเมกา-นาโต้ที่จะเปลี่ยนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้กลายเป็นเขตของเกมภูมิรัฐศาสตร์ของเขาจึงไร้ประโยชน์ แม้จะมีบางประเทศยื่นมือมารับไมตรีและวาระวอชิงตันก็ตาม!!