จากกรณีมอลโดวาดินแดนติดยูเครนที่ปกครองโดยรัฐบาลโปรสหรัฐ โดนประชาชนขับไล่ส่งผลให้รัฐบาลลาออกทั้งคณะ แต่ประธานาธิบดีที่ประกาศเข้านาโต้ยังดื้ออยู่ในตำแหน่ง ขณะเดียวกันรัสเซียได้ยิงมิสไซล์ข้าม เพื่อเตือนอย่าหาเรื่องใส่ตัวนั้น
ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 มีความเคลื่อนไหวของมอลโดวา ที่น่าสนใจ ซึ่งเปิดเผยโดย Blockdit World Update ที่ออกมาโพสต์ข้อความไว้บางช่วงที่สำคัญว่า
“มอลโดวา เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มีประชากรราว 2.5 ล้านคน ช่วงก่อตั้งประเทศใหม่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้จากโรมาเนีย และยูเครน จึงลงนามสนธิสัญญากับรัสเซีย ให้ตั้งฐานทัพในภูมิภาค ทรานส์นีสเตรีย อยู่ระหว่างชายแดนมอลโดวา และยูเครน โดยมีทหารรัสเซียประจำการหลายพันนาย รักษาคลังอาวุธโซเวียตที่ใหญ่อันดับต้นของยุโรปอีกแห่ง
ดินแดนทรานส์นีสเตรีย มีการปกครองตนเอง เป็นอิสระจากมอลโดวา มานานกว่า 3 ทศวรรษ ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซียสนธิสัญญากับรัสเซีย ตั้งฐานทัพในภูมิภาคทรานส์นีสเตรียนั้น จะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายรัสเซียเห็นพ้องด้วย มอลโดวาไม่อาจยกเลิกฝ่ายเดียวได้
ทำให้ยูเครนพยายามปั่นสงครามภูมิภาคทรานส์นีสเตรีย ปีที่แล้วเคยส่งหน่วยก่อวินาศกรรมใช้ขีปนาวุธ MANPAD ประทับบ่าของอังกฤษ ไปลอบยิงอาคารบริหารทรานส์นีสเตรีย ส่วนชาติตะวันตกก็น้ำลายสออยากได้คลังอาวุธนี้มาทำสงคราม
เมื่อสัปดาห์ก่อนนายกรัฐมนตรีมอลโดวา โปรสหรัฐ ลาออกรัฐบาลล้มครืน เพราะทนกดดันจากม็อบมวลมหาประชาชนไม่ไหว ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อสูงมาก เศรษฐกิจย่ำแย่ ไฟฟ้าดับ ค่าพลังงานแพงจากคว่ำบาตรรัสเซีย
ประธานาธิบดีไมอา ซานดู ผู้นำมอลโดวา คุยอวดอย่างภูมิใจว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ผู้ยิ่งใหญ่ บอกเธอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หน่วยข่าวกรองยูเครน พบแผนของรัสเซีย จะทำลายล้างมอลโดวา
เธอระบุว่า ได้รับข้อมูลลับเอกสารจากทางการยูเครน ระบุวัน เวลา สถานที่ และการขนส่งโลจิสติกส์ในการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี และยังอ้างว่าพรรคการเมืองชอร์ ฝ่ายค้าน องค์กรทหารผ่านศึก นักธุรกิจ และนักการเมือง รวมหัวกัน
โดยวางแผนใช้ชาวรัสเซีย เบลารุส เซอร์เบีย และ มอนเตเนโกร ก่อวินาศกรรมโค่นล้มผู้นำรัฐบาล เปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครอง เปลี่ยนสู่อำนาจที่จะหยุดการรวมเข้ากับสหภาพยุโรป จากนั้นใช้มอลโดวาในการทำสงครามกับยูเครน
เธอเชื่อมากจึงสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ ทหาร ตำรวจ ต้องเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย และคาดว่ารัฐสภาจะผ่านร่างกฎหมายให้อำนาจพิเศษคล้ายกฎอัยการศึก ดำเนินคดีที่เป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้จับตัวฝ่ายค้าน และผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่จะกระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองดำเนินคดี
ล่าสุด นางมารินา เทาเบอร์ รองประธานพรรคชอร์ ฝ่ายค้านมอลโดวา จัดการประท้วงระลอกใหม่ ให้พรรคฝ่ายค้านนำมวลมหาประชาชนลงถนนครั้งใหญ่วันที่ 19 ก.พ.2023 นี้ ที่หน้าอาคารบริหารของประธานาธิบดีในเมืองหลวงคีชีเนา
วิเคราะห์ว่า..ยูเครน ปล่อยข่าวกรองลวงตามคำบงการของลูกพี่ขาใหญ่ ปั่นมอลโดวา สร้างจินตนาการว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคาม เพราะในข้อเท็จจริงรัสเซีย ไม่มีประวัติลอบก่อการร้ายที่ใด
ถ้าจะทำก็ทำตรงๆ ไปเลยโดยการยิงขีปนาวุธใส่ทีเดียวจบ หรือสั่งทหารรัสเซียที่ประจำการในทรานส์นีสเตรียบุกตะลุยเลย แต่ยูเครนนั้น ประวัติร่วมกับลูกพี่ก่อวินาศกรรมยาวเป็นหางว่าว มอลโดวา นั่นและจะโดนยูเครน ลอบโจมตีด้วยวิธีนี้
ผู้นำมอลโดวา ก็อาศัยช่วงสุญญากาศอำนาจรัฐบาลลาออก สวมรอยอ้างข่าวกรองลวงยูเครน จะออกกฎหมายเพิ่มอำนาจตนเองจัดการฝ่ายค้านคู่ต่อสู้ทางการเมือง เลียนแบบยูเครน เพราะถ้าหลุดจากอำนาจเมื่อใด โอกาสที่ประชาชนจะเลือกนักการเมืองโปรตะวันตกมาปกครองประเทศนี้แทบไม่มี จึงอ้างข่าวกรองยูเครนที่ปั้นขึ้นมาเอง ยื้ออำนาจรัฐบาลที่ง่อนแง่นเปราะบาง
ชาวมอลโดวา ไม่เหมือนชาวยูเครน เมื่อพวกเขาพลาดเลือกผู้นำตะวันตกจนชาติหายนะ พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ ก่อม็อบยืดเยื้อจนโค่นล้มรัฐบาลลงได้ ภัยคุกคามเก้าอี้ ประธานาธิบดีมอลโดวา หาใช่ผู้ก่อวินาศกรรมชาวต่างชาติที่ไหน”
