จากที่ชาติตะวันตกต่างพากันช่วยเหลือยูเครนในการส่งยุทโธปกรณ์เพื่อสู้รบกับกองทัพรัสเซีย ซึ่งปรากฏถึงความต้องการในการใช้เครื่องบินรบของทั้งสองฝ่าย ซึ่งต่างนำออกมาทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่นั้น
ทั้งนี้มีข้อมูลที่เผยแพร่โดย ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ที่มีการโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงการใช้เครื่องบินรบของรัสเซียและสหรัฐว่า “เครื่องบินล้ำยุครุ่น 5 ของรัสเซียและอเมริกาปฏิบัติหน้าที่
เรื่องราวสะท้านภพน่าจะต้องจารึกไว้มี ๒ เรื่องครับ ๑.รัสเซียใช้เครื่องบินรบ Su-57 ยิง Su-27 ของยูเครนในระยะห่างไกลถึง ๒๑๗ กิโลเมตร ไกลสุดนับแต่เคยมีสถิติยิงเครื่องบินรบมา ทุบสถิติโลกได้สำเร็จ
พูดอย่างหยาบๆ เท่ากับยิงที่กรุงเทพฯ ไปทำลายเป้าที่โคราชได้เลย ๒.อเมริกาใช้เครื่องบินรบ F-22 ซึ่งบินทีใช้เงินจำนวน ๘๕,๐๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อชั่วโมงเป็นค่าบำรุงรักษา ยิงลูกโป่งยักษ์ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศของจีนซึ่งบินออกนอกเส้นทางเข้าสู่แผ่นดินอเมริกา
จีนเองก็รายงานให้ทราบแล้ว แต่อเมริกาก็ยังยิงด้วยขีปนาวุธไซด์ไวด์เดอร์ ซึ่งมีราคาสูงถึง ๔๗๒,๐๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อลูก ยิงแล้วรัฐบาลอเมริกาก็จัดแถลงให้เป็นข่าวใหญ่โต
สาเหตุที่ต้องแถลงให้เป็นข่าวใหญ่โตไม่มีอะไรครับ รัฐสภาอเมริกันกำลังจะใช้เหตุการณ์ลูกโป่งยักษ์ของจีนให้เป็นประเด็น หลอกเอาเงินภาษีประชาชนอเมริกันผู้โง่เขลาไปเพิ่มงบประมาณทางทหารเพื่อป่วนจีนต่อ เพราะตอนนี้ อเมริการู้ตัวแน่นอนแล้วว่าสู้รัสเซียที่ยูเครนไม่ได้แล้ว รัสเซียแกร่งเกินคาด ไม่ช้า ยูเครนก็ต้องล่มสลาย ถูกรัสเซียยึดได้
แต่อเมริกามีรายได้หลักจากการขายอาวุธเพื่อทำสงคราม ถ้าไม่ก่อสงครามมาร์เก็ตติ้งอาวุธก็จะเสียยี่ห้อแบรนด์อเมริกา เหตุนี้ อเมริกาเลยหันมาหาจีนเพื่อก่อสงครามที่ไต้หวันอีกแห่งต่อ”
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ถึงสถานการณ์ในฮังการี โดยกล่าวถึงพฤติกรรมของสหรัฐอเมริกาที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยว่า
“อเมริกาใช้วิธีถ่อยกับฮังการี่แล้ว:หลังจากผู้นำฮังการีไม่เอาด้วยกับนโยบายสหภาพยุโรปในการคว่ำบาตรรัสเซีย และไม่ส่งอาวุธไปช่วยนาโต้รบกับรัสเซียในยูเครน
รัฐบาลอเมริกาก็เลยจัดส่งคนซึ่งเป็นผู้หญิงพร้อมกับ USAID ไปวางเครือข่ายไล่รัฐบาลฮังการีอีกที่แล้ว หลังจากประสบความสำเร็จในการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศเปรู เธออ้างว่าจะไปช่วยฮังการีกำจัดคอร์รัปชั่น
ปรกติ หน่วย CA จะเก็บข้อมูลผู้นำทุกประเทศเอาไว้และจะใช้ข้อหาคอร์รัปชั่นนีแหละไล่ผู้นำต่างชาติแล้วสวมรอยด้วยผู้นำหุ่นเชิดของตน
อเมริกามีพิมพ์เขียวในการไล่อยู่ครับว่าจะต้องทำอย่างไร เมืองไทยยังไม่ถึงคิวเฉยๆ ถ้าไม่จำกัดหรือตัดตอนเครือข่ายต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย
เมืองไทยก็ไม่รอดครับ สถาบันไหนที่ขัดการเข้ามาหาผลประโยชน์ พวกนี้เล่นงานทั้งนั้นแหละไม่เพียงแต่คนไทยจะต้องช่วยกันหาทางตัดตอนเครือข่ายสงครามพันทางของชาตินักล่าอาณานิคม ยังต้องขอให้รัสเซียเข้ามาช่วยวางแผนปราบเครือข่ายสงครามพันทางด้วยถึงจะขุดรากถอนโคนเหมือนที่เวเนซูเอล่าและซีเรียขอ ไม่เช่นนั้น ประเทศเราก็ยังไม่เป็นเอกราชสมบูรณ์ครับ”