ลากไส้เน่าเมกา!! นักข่าวชื่อดังมะกันแฉยับ ไบเดนสั่งบึ้มท่อก๊าซนอร์ดสตรีม ดันสงครามทำขาดดุล ๓๑.๘๖ ล้านล้าน

0

ดูเหมือนว่าทำเนียบขาวจะนั่งไม่ติด เมื่อนักข่าวชื่อดังสหรัฐฯแฉ อเมริกาอยู่เบื้องหลังวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ระหว่างรัสเซียและเยอรมนีถูกระเบิด ตามด้วยท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ที่เป็นพี่น้องกัน นี่เป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยุโรป ความมั่นคงด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับที่ ก๊าซธรรมชาติจำนวนมากรั่วไหลลงสู่ทะเลบอลติก

ข้อโต้แย้งทันทีจากชนชั้นสื่อทางการเมืองตะวันตกคือมอสโกว์มีแนวโน้มที่จะโจมตีท่อส่งของตนเองแม้ว่า Nord Stream จะเป็นแหล่งรายได้และอิทธิพลที่สำคัญของรัสเซียก็ตาม แต่ไม่แสดงหลักฐานหรือแรงจูงใจที่สอดคล้องกัน พวกเขาอ้างว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายรัสเซีย และกีดกันไม่ให้รัสเซียร่วมสืบหาข้อเท็จจริงอย่างมีพิรุธ

ทั่วทั้งตะวันตกโหมกระแสข่าวว่าเป็นการเร่ขายทฤษฎีสมคบคิดและโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย และเสนอแนะว่าสหรัฐฯจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว  ชาวอเมริกันสามารถเฉลิมฉลองการทำลายท่อส่งน้ำมันได้ ในขณะที่ชาวยุโรปตะวันตกประณามข้อกล่าวหาใดๆที่ไม่มีหลักฐาน เหตุการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะจมลงไปในหลุมความทรงจำ เนื่องจากชนชั้นสื่อทางการเมืองไม่มีความสนใจในการสืบสวนอย่างเปิดเผย และความตระหนักรู้ของสาธารณชนก็เจือจางลง แต่วันนี้มีคนเริ่มพูด และก็จะมีการพูดต่อไปโดยไม่มีผลอะไรต่อสหรัฐฯอย่างเป็นรูปธรรม เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งสหรัฐฯยอมรับว่าโกหกเรื่องอิรัก-ลิเบียทำคนตายนับล้าน องค์กรโลกบาลทั้งหลายและสื่่อหลักต่างหุบปากเงียบ

วันที่ ๑๐ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซีมัวร์ เฮิร์ช(Seymour Hersh) นักข่าวชื่อดังของสหรัฐฯได้ยืนยันถึงความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลแก่เขาเพื่อยืนยันเรื่องราวเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสหรัฐในการก่อวินาศกรรมของท่อส่ง Nord Stream ทั้งสอง

เฮิร์ชกล่าวว่า”ฉันไม่สามารถระบุชื่อคนให้ข้อมูลได้ แต่เป็นคนที่รู้ดีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

เขากล่าวว่าเมื่อเขียนเรื่องราวนี้เขาได้ติดต่อกับโฆษกของ CIA นักข่าวรายนี้กล่าวว่าเขาเชื่อว่าฝ่ายบริหารของสหรัฐฯจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องในการก่อวินาศกรรม

จากบทความที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ระเบิดใต้ท่อส่ง Nord Stream 1 และ 2 ของรัสเซียถูกวางโดยนักประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ ภายใต้หน้ากากของการฝึก บัลท็อปส์(Baltops) ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕  เรื่องราวดังกล่าวอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ปรากฏชื่อซึ่งมีความรู้โดยตรงเกี่ยวกับการวางแผนปฏิบัติการ โดยกล่าวว่า โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ เป็นผู้อนุญาตปฏิบัติการเป็นการส่วนตัว

รายงานของ เฮิร์ช เขียนว่า ซีไอเอเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา และในการอำพรางตัวภายใต้ฉากการซ้อมรบของนาโต้  ทีมประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ ภายใต้ความช่วยเหลือจากนอร์เวย์ ได้นำระเบิดไปวางที่ท่อลำเลียงที่สามารถจุดชนวนระเบิดได้จากระยะไกล

อเดรียนเน วัตสัน(Adrienne Watson) โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจากสื่อว่า “เรื่องราวที่เฮิร์ชนำเสนอเป็นเรื่องเท็จและแต่งขึ้นโดยสิ้นเชิง”

ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ ที่ผ่านมา เครมลินได้ออกมาเห็นด้วยกับ เฮิร์ช ในทันที โดยบอกว่าพวกเขามีความจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และมีข้อมูลเชิงลึกด้วย

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินระบุว่า “รายงานดังกล่าวเป็นบทความที่ร้ายแรงมากที่ต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง “มันคงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ หากไม่ให้ความสนใจกับรายงานดังกล่าว เคราะห์ร้ายที่รายงานนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อมวลชนตะวันตก ซึ่งเราไม่แปลกใจ”

เปสคอฟ บอกว่ามอสโกว์มีข้อมูล “ความเกี่ยวข้องของพวกแองโกล-แซกซอน ในการบงการการลอบก่อวินาศกรรมนี้อยู่แล้ว”

ซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวสืบสวนสอบสวนที่เปิดเผยข่าวการสังหารหมู่ไมลาย (My Lai) ของสหรัฐฯ ในปี ๑๙๖๘ ในเวียดนาม และข่าวอื้อฉาวในคุกอบูกรายิบ(Abu Ghraib) ในอิรักราวปี ๒๐๐๔ ได้เผยแพร่รายงานที่กล่าวโทษสหรัฐฯ สำหรับการโจมตีท่อส่ง Nord Stream รายงานดังกล่าวจะส่งผลให้การโจมตีมีการถกเถียงและสอบสวนอย่างจริงจังตามสมควรหรือไม่ หรือพวกเขาจะพยายามเคลื่อนไหวโดยประณามเฮอร์ชว่าเป็นแค่เพื่อน “ปูติน” ที่ชราภาพ แต่เป็นการยืนยันสมมติฐานที่สังคมมองว่า การระเบิดนอร์ดสตรีมสหรัฐฯเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด และการสอบสวนมีการกีดกันเจ้าของท่อคือรัสเซีย และงุบงิบทำกันในหมู่ตะวันตกจนวันนี้ยังอ้ำอึ้งไม่กล้าสรุป

นอกจากสหรัฐฯจะถูกกระฉากหน้ากากตำรวจโลกจอมปลอมแล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศก็กำลังระเบิดออกมาให้โลกเห็นอย่างปิดไม่มิด

ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯออกมาโอดครวญ สหรัฐฯปิดงบฯในปี ๒๕๖๕ สหรัฐฯขาดดุลการค้า ๙๔๘,๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ๓๑.๘๖ ล้านล้านบาท ผลจากการเข้าไปปั่นสงครามทุ่มเงินให้ยูเครนรบกับรัสเซีย เพิ่มงบทางทหารฯเคลื่อนไหวทั่วโลก ในขณะที่คนมะกันยังคงบริโภคอย่างบ้าคลั่งมากกว่าที่ผลิตได้เอง ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องพิมพ์ “ทิชชู่ดอลล่าห์” ที่ไร้หลักประกัน ออกมาใช้ไม่จบสิ้นทั้งๆที่เพดานหนี้ทะลุฟ้าไปแล้ว!