ท่ามกลางการเอาใจช่วยของนานาชาติทั่วโลกต่อโศกนาฎกรรมแผ่นดินใหวครั้งใหญ่ในตุรเคียและซีเรีย ปรากฎภาพความสองมาตรฐานของตะวันตกอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สหรัฐฯและอียูต่าง’ร้องไห้น้ำตาจระเข้’ เกี่ยวกับผลกระทบของแผ่นดินไหวในซีเรีย ขณะที่ยังคงมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนัก ไม่สนใจแม้เสียงเรียกร้องให้ยกเลิกเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากหลายฝ่าย
วันที่ ๙ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและอัลมายาดินรายงานว่า ไฟซาล เมคแดด(Faisal Mekdad) รัฐมนตรีต่างประเทศของซีเรียเปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดในซีเรียในแง่ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศ
เขากล่าวว่า “ความช่วยเหลือจากยุโรปไม่จำเป็นต้องร้องขอผ่านระบบราชการ เนื่องจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร ดังนั้นนี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ไม่ช่วยเรา”
“มีความพยายามจากพันธมิตรอิหร่านและรัสเซียในการช่วยเหลือ รัฐอาหรับบางรัฐให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ขณะที่บางรัฐให้คำมั่นว่าจะส่งความช่วยเหลือ ซีเรียได้รับความเดือดร้อนมากขึ้นจากสองมาตรฐาน”
นักการทูตระดับสูงกล่าวว่า“การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ กำลังห้ามไม่ให้ซีเรียเข้าถึงสิ่งใดๆ แม้แต่ยารักษาโรค” “รัฐซีเรียไม่ได้เปิดจุดผ่านแดนเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมส่งไปยังพื้นที่ที่กลุ่มติดอาวุธยึดครอง” “ความช่วยเหลือที่ส่งไปยังพื้นที่ที่กลุ่มติดอาวุธยึดครองนั้นถูกขายให้กับประชาชน” “พวกเขาวางแผนจะให้ความช่วยเหลือส่งผ่านไปยังกลุ่มติดอาวุธและผู้ก่อการร้ายเท่านั้น และซีเรียพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือไปยังทุกภูมิภาคโดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ส่งไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย”
นี่ยีงไม่ได้เอ่ยถึงกองกำลังสหรัฐฯที่ปล้นน้ำมันซีเรียมาหลายสิบปีด้วยซ้ำ
ด้านสหรัฐฯหลังจากปธน.ไบเดนกล่าวคำสวยหรูขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนซีเรีย เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ จะไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากกฎหมายซีซาร์หรือข้อจำกัดอื่นๆ ต่อซีเรียหลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์
เมื่อถูกถามว่าทำไมวอชิงตันถึงไม่พร้อมที่จะประสานความช่วยเหลือกับดามัสกัสโดยตรง โฆษกแจงว่า “คงเป็นเรื่องน่าขันทีเดียว เพราะสิ่งนั้นไม่เกิดผลในทางต่อต้าน หากเรายื่นมือไปยังรัฐบาลที่ทารุณประชาชนของตนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา” สะท้อนจุดยืนของสหรัฐฯที่ต้องการรัฐบาลที่ยอมสยบตนเท่านั้นไม่สนใจว่าประชาชนซีเรียเลือกรัฐบาลอัสซาดมาถึง ๔ สมัย
จากข้อมูลของไพรซ์ สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับ “พันธมิตรองค์กรพัฒนาเอกชนหรือพันธมิตรภาคพื้นดิน” ซึ่ง “ไม่เหมือนกับรัฐบาลของซีเรีย ที่จะคอยช่วยเหลือประชาชนโดยตรงมากกว่าที่จะทารุณพวกเขา” โฆษกไม่ได้ให้รายละเอียดว่า “พันธมิตรภาคพื้นดิน” เหล่านี้คือใคร เว้นแต่จะบอกว่าพวกเขา “จำเป็นต้องเข้าถึงเพื่อให้สามารถกลับไปกลับมาข้ามพรมแดนได้ในการให้ความช่วยเหลือ”
พระราชบัญญัติซีซาร์เป็นหนึ่งในชุดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อซีเรีย โดยมีข้อจำกัดต่อประเทศนี้ย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๒๒ ซีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกคว่ำบาตรหนักที่สุดในโลก โดยมี มาตรการคว่ำบาตร มากกว่า ๒,๖๐๐ รายการต่อประเทศโดย สหรัฐและพันธมิตรในยุโรปในเวลานี้
อเลนา ดูฮัน Alena Douhan ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติได้เรียกร้องให้วอชิงตันและพันธมิตรยกเลิกการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อชาวซีเรียโดยทันที โดยกล่าวว่าเธอ“ได้พบเห็นผลกระทบที่แผ่ขยายของมนุษย์ ทั้งผลกระทบด้านสิทธิและมนุษยธรรมจากมาตรการบีบบังคับฝ่ายเดียวที่บังคับใช้กับประเทศซีเรีย
ปีเตอร์ ฟอร์ด อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำซีเรีย(Peter Ford, Britain’s former ambassador to Syria)ถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของเน็ต ไพรซ์ เขากล่าวว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบัน การระงับการคว่ำบาตรจะเป็นการกระทำที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับรัฐบาลตะวันตกที่ต้องการช่วยเหลืออย่างจริงใจ แทนที่จะแสดงท่าทางให้คะแนนทางการเมืองและร้องไห้แบบน้ำตาจระเข้”
ฟอร์ดเน้นย้ำว่า “เป็นที่แน่ชัดมานานแล้วว่าสหรัฐฯ สนใจการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในซีเรียมากกว่าสวัสดิภาพของประชาชนชาวซีเรีย” “การคว่ำบาตรที่โหดร้ายส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปมากกว่ารัฐบาลซีเรีย และองค์กรพัฒนาเอกชนไม่สามารถเทียบเคียงประสิทธิผลของรัฐในการแจกจ่ายความช่วยเหลือได้”
ดร. อิมาด ซาลามีย์ รองศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเลบานีสอเมริกัน(Dr. Imad Salamey, an associate professor of political science at the Lebanese American University) ยอมรับว่าการเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของรัฐบาลซีเรียจะจำกัดประสิทธิผลของความช่วยเหลือใดๆของสหรัฐฯ ต่อประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างชัดเจน
ปีเตอร์ ฟอร์ดเสนอการประเมินองค์กรเอ็นจีโออย่างตรงไปตรงมามากขึ้น โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ “โดยธรรมชาติ” จะชอบทำงานในซีเรีย“ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนหุ่นเชิดของตนเองอย่างกลุ่มไวท์เฮลเม็ตส์(White Helmets)ซึ่งจุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือพลเรือน แต่เพื่อล้างภาพลักษณ์ของนักรบญิฮาด ผู้ควบคุมทางตอนเหนือของซีเรีย และด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของตะวันตกสำหรับฝ่ายต่อต้านติดอาวุธ ที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
ดร.ทาเลบ อิบราฮิม รองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ดามัสกัส(Dr. Taleb Ibrahim, deputy director of the Damascus Center for Strategic Studies)กล่าวว่า “ไม่ชัดเจนว่าองค์กรพัฒนาเอกชนประเภทใดในสหรัฐอเมริกาจะทำงานผ่านให้ความช่วยเหลือแก่ซีเรีย แต่เมื่อเราได้ยินคำว่า ‘องค์กรพัฒนาเอกชน’ เราจะนึกถึงมือของซีไอเอ ซึ่งทำงานผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านั้นซึ่งครอบคลุมอ้างประเด็นด้านมนุษยธรรม วาระบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นเจ้าโลก การจารกรรม และการแทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่น”