ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น รมว.กลาโหมรัสเซียออกมาสรุปภาพรวมการสู้รบในแนวหน้าระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยให้ข้อมูลอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับการสูญเสียของยูเครนอย่างเป็นทางการว่าในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ได้ทำลายกองกำลังเคียฟ-นาโต้มากกว่า ๖,๕๐๐ นายเสียชีวิต รถถังและยานพาหนะทางทหารหลายร้อยคันถูกทำลาย จรวดและโดรนก็ไม่รอด
ท่ามกลางการแพร่ข่าวโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายยูเครนว่าสังหารทหารรัสเซียนับพันในวันเดียว ชนะขนาดนั้นทำไมต้องใช้วิธีไล่ล่าผู้ชายชาวยูเครนไม่จำกัดอายุที่ยังอยู่ในการปกครองของเคียฟ และไปไล่ล่าคนยูเครนที่อพยพไปอยู่โปแลนด์ซ้ำยังต้องโอนให้ตำรวจเข้ามาเป็นทหารด้วย
นอกจากนี้สถานการณ์ดุเดือดในบัคมุตที่พื้นที่ส่วนใหญ่กลุ่มวาร์กเนอร์และกองกำลังของรัสเซียได้ควบคุมถึง ๓ใน๔ส่วนแล้ว คุมเส้นทางส่งกำลังและเสบียงหลักถึง ๔ เส้นทาง เหลือถนนเส้นเดียวทีรบกันเดือด จ่อบัคมุตใกล้แตกอย่างสมบูรณ์ในไม่ช้านี้ แต่ในช่องเทเลแกรมของยูเครนยังมีทหารมาแสดงตัวว่ายังอยู่ไม่ได้ไปไหน ขณะเดียวกันก็มีภาพแสดงการถอนกำลังหนีของทหารยูเครน บางส่วนยอมจำนนกับทีมวาร์กเนอร์ เป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกันเองในส่วนของยูเครน พร้อมๆกับการรุกคืบของกองกำลังรัสเซียที่เปิดเผยให้เห็นในช่องเทเลแกรมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมถือว่าเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคโดเนตสค์แห่งนี้ย่อมมีชะตากรรมเดียวกับ โซเลดาร์จะได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์แน่นอน
วันที่ ๘ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า พลเอกเซอร์เก ชอยกู(Gen.Sergey Shoigu) รมว.กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยถึงความสำเร็จใกล้กับบัคมุตหรืออาติมอฟสค์ (Artyomovsk) และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนไหวของ NATO ในพื้นที่สู้รบ และเน้นย้ำว่ากองกำลังรัสเซียยังคง “บดขยี้” อาวุธที่ฝ่ายตะวันตกจัดหาให้ ทั้งแนวหน้าและตามเส้นทางการส่งมอบ
รมว.กลาโหมกล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ของกระทรวงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “การส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่น่ารังเกียจจากตะวันตกให้กับระบอบการปกครองของเคียฟ กำลังดึงประเทศนาโตเข้าสู่ความขัดแย้งในยูเครนอย่างชัดเจน และในที่สุดอาจนำไปสู่การยกระดับสงครามอย่างคาดเดาไม่ได้”
เขากล่าวว่า “ความช่วยเหลือทางทหารอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของตะวันตกต่อยูเครนล้มเหลวในการป้องกันการสูญเสียจำนวนมากในกองกำลังของเคียฟ รัสเซีย “ยังคงบดขยี้” อาวุธที่ฝ่ายตะวันตกจัดหาให้ทั้งในแนวหน้าและตามเส้นทางการส่งมอบของพวกเขา”
ชอยกูเปิดเผยว่า “ในเดือนแรกของปีนี้เพียงเดือนเดียว ความสูญเสียของพวกเขามีจำนวนมากกว่า ๖,๕๐๐ นาย เครื่องบิน ๒๖ ลำ เฮลิคอปเตอร์ ๗ ลำ ยานบินไร้คนขับ ๒๐๘ ลำ รถถัง ๓๔๑ คันและยานเกราะต่อสู้อื่นๆ และยานรบที่มีระบบจรวดหลายลำกล้อง ๔๐ ลำ”
“ผลจากการรุกคืบในพื้นที่โดเนตสค์และซาโปริเซีย กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยชุมชน ๗ แห่ง รวมทั้งโซเลดาร์ การปฏิบัติการรบประชิดอาติมอร์ฟหรือ บัคมุตและอูเกลดาร์ กำลังประสบความสำเร็จในการควบคุมแบบสมบูรณ์”
ชอยกูกล่าวเสริมว่า “ในขณะที่ยูเครนตระหนักดีว่า “พวกเขาไม่สามารถสร้างความพ่ายแพ้ทางทหารต่อรัสเซียได้” ผู้นำยูเครนจึงได้ใช้วิธีข่มขู่ผู้อยู่อาศัยในภูมิภาคใหม่ของรัสเซีย กองกำลังติดอาวุธของยูเครนได้โจมตีพื้นที่ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล และพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ และกระทำการโจมตีในรูปแบบของผู้ก่อการร้ายต่อรัฐบาลและสถานที่ทางสังคมมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่สุ้รบทางทหาร”
ความไม่เต็มใจของผู้นำยูเครนที่จะหยุดยิงเมื่อเดือนที่แล้วในช่วงเทศกาลคริสต์มาสออร์โธดอกซ์บ่งบอกถึง “ธรรมชาติที่ป่าเถื่อน”ของรัฐบาลเคียฟ ในช่วงเวลานั้น กองทัพยูเครนระดมยิงปืนใหญ่และปืนครกกว่า ๕๕๐ ครั้ง ซึ่งกองกำลังรัสเซียปราบปรามด้วยการยิงโต้กลับทำลายทหารและฐานอาวุธของยูเครนเสียหายยับเยิน
ชอยกูเน้นย้ำว่า “กองทหารของรัสเซีย ยังคงรับประกันความปลอดภัยของพลเมืองรัสเซียในภูมิภาคใหม่ และปกป้องผู้อยู่อาศัยในยูเครนจากการล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลเคียฟ”
เมื่อเดือนที่แล้ว มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ ยอมรับว่ายูเครนอยู่ใน”การต่อสู้ที่ยากลำบากมาก”จากจุดยืนทางทหาร และตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่กองกำลังรัสเซียจะถูกผลักดันออกจากดินแดนที่เคียฟอ้างสิทธิ์ในเร็วๆนี้
ท่ามกลางความพ่ายแพ้ต่อเนื่องแม้สหรัฐฯและนาโต้ยังมีความหวังลมๆแล้งๆและโฆษณาว่าจะเอาชนะรัสเซียในสงครามตัวแทนยูเครนครั้งนี้ได้ คนของเซเลนสกี้เริ่มปล่อยข่าวว่า อาจมีการแบ่งยูเครนเป็นตะวันออก-ตะวันตกเหมือนเกาหลีที่แบ่งเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ประเด็นนี้ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตปธน.รัสเซียฟันธงว่า เป็นสัญญาณยอมรับความพ่ายแพ้ บ่งบอกการรู้ตัวของยูเครนและผู้สนับสนุนว่าอาจไม่ต่อไม่ไหว เลยโยนหินถามทาง!!??