การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯแและบริวารเพื่อกดดันตุรกีทางการทูต ขยายผลมาถึงการนำเรือรบเข้ามาจอดเทียบท่า ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์กลุ่มประเทศตะวันตก ๙ ประเทศประกาศปิดสถานทูตในอิสตันบูลอย่างพร้อมเพรียงกันหลังสหรัฐฯออกคำเตือนคนมะกัน อ้างจะเกิดเหตุก่อการร้ายโจมตี ประเด็นนี้อังการากล่าวว่าตะวันตกกำลังทำ ‘สงครามจิตวิทยา’ กับตุรกี
ล่าสุดอดีตผู้บังคับบัญชาหน่วยข่าวกรองตุรกีตีความภาพถ่ายทูตสหรัฐฯบนเรือรบที่เข้ามาจอดเทียบท่าเรือของอังการาว่าเป็นท่าทีที่เป็น ‘ภัยคุกคามต่อตุรกี’อย่างโจ่งแจ้งและเรียกร้องให้กระทรวงต่างประเทศเรียกผู้นำสูงสุด นักการทูต คุยกันประเด็นนี้โดยเร่งด่วน หนังสือพิมพ์ตุรกีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
#AmbassadorFlake emphasized the partnership between U.S. and Türkiye, both strong NATO allies, during the #USSNitze ship visit in Istanbul. #StrongerTogether, #WeAreNATO, #USSixthFleet @USNavyEurope pic.twitter.com/LviIsbEg9P
— ABDIstanbul (@ABDIstanbul) February 3, 2023
กรณีนี้ทูตสหรัฐให้สัมภาษ์ภาษาดอกไม้ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างนาโต้กับตุรกีในเรือรบบอสพอรัส (Bosporus) แต่อดีตผบ.บอกนี่แหละขู่กันชัดๆ
วันที่ ๖ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและอนาโดลู รายงานว่า ยูเอสเอส นิตซ์(USS Nitze) เรือพิฆาตของสหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองเยเมน จอดทอดสมออยู่นอกชายฝั่งของอิสตันบูลใกล้กับพระราชวังดอลมาบาช (Dolmabahce) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนการเข้าเทียบท่าตามกำหนดที่ฐานทัพเรือกอลซัค (Golcuk) เมื่อวันศุกร์ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในตุรกีได้โพสต์ภาพของทูตสหรัฐ Jeff Flake และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบ
นอกเหนือจากการปรากฏตัวของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ แล้ว ผู้เชี่ยวชาญชาวตุรกีชี้ว่าธงชาติตุรกีที่ชักขึ้นบนเสาเรือพิฆาตนั้นเล็กกว่าธงของสหรัฐฯ มาก โดยสหรัฐฯ เรียกมันว่า “การแสดงแสนยานุภาพ”
อิสมาอิล ฮักกี เปกิน พลโทเกษียณอายุราชการและอดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองตุรกี แย้งว่าการแสดงธงที่มีขนาดไม่สมส่วนเป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีสติ อดีตเจ้าหน้าที่รายนี้บอกกับหนังสือพิมพ์ว่า “มีปฏิกิริยาต่อต้านสหรัฐฯ ในตุรกีอย่างจริงจัง” เนื่องจากวอชิงตันถูกกล่าวหาว่า “มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย”
เปกินยังกล่าวอีกว่า “ปฏิกิริยาเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากหลายประเทศปิดสถานกงสุลของตนในอิสตันบูล อ้างเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย ในขั้นตอนนี้ เรือรบสหรัฐฯ มาถึงดอลมาบาช(Dolmabahce) และจอดทอดสมอ แน่นอนว่าได้รับอนุญาตล่วงหน้า แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯ เอกอัครราชทูตขึ้นเครื่องโดยมีธงชาติตุรกีและสหรัฐฯ ที่ไม่สมดุลอยู่ด้านหลัง และถ่ายรูปเห็นได้ชัดว่าเป็นภัยคุกคามต่อตุรกี” นอกจากนี้เขายังโต้แย้งว่ากระทรวงต่างประเทศตุรกีควรเรียกตัวทูตสหรัฐฯ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เบกินย้ำว่า “เอกอัครราชทูตที่สหรัฐฯ แต่งตั้งให้ประจำตุรกีเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองมากกว่านักการทูต การแต่งตั้งเขาไปยังตุรกีก็เพื่อจุดประสงค์เฉพาะเช่นกัน เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมากก่อนหน้านี้ คำเตือนเรื่องก่อการร้ายดูเหมือนจะสมเหตุสมผล”
ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง พันเอกฮาลิล ออสซารัค (Halil Ozsarac) ที่เกษียณแล้ว ให้สัมภาษณ์ว่า ขนาดของธงชาติสหรัฐฯ ที่ชักขึ้นบนเรือรบนั้นเป็นใหญ่กว่าของตุรกี เป็น “การแสดงความแข็งแกร่งและแสนยานุภาพเหนือ” เขายังบอกด้วยว่าเขาไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ “ไม่น่าพอใจ” แบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เขาได้ไปเยือนท่าเรือหลายแห่งในชีวิตของเขา
เมื่อวันศุกร์เมฟลุต คาวูโซกลู (Mevlut Cavusoglu) รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าวว่าเป็นการยากที่จะโทรหาประเทศที่ตัดสินใจปิดสถานกงสุลในอิสตันบูลซึ่งเป็นพันธมิตรแต่ไม่บอกเหตุผลของการดำเนินการ และไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่อ้างว่าจะมีการก่อการร้ายกับรัฐบาลอังการาแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน ทางการตุรกีได้จับกุมผู้ต้องสงสัย ๑๕ คน เนื่องจากสงสัยว่าได้รับคำสั่งจากกลุ่มก่อการร้ายดาอิชหรือ ไอสิส (Daesh (ISIS หรือ ISIL) ให้โจมตีศาสนสถานของชาวคริสต์และชาวยิวในอิสตันบูล
ปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการโดยหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายในอิสตันบูลโดยประสานงานกับหน่วยข่าวกรองของประเทศ
ทางการระบุว่า ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมในข้อหาประสานงานกับสาขาโคราซานของกลุ่มดาอิช เพื่อกำหนดเป้าหมายสถานทูตสวีเดนและเนเธอร์แลนด์ รวมถึงศาสนสถานของชาวคริสต์และชาวยิวในอิสตันบูล ภายหลังการเผาคัมภีร์อัลกุรอานหน้าสถานทูตตุรกีใน สตอกโฮล์ม
การสืบสวนได้ยืนยันความเชื่อมโยงของผู้ต้องสงสัยกับกลุ่มไอเอสและพื้นที่อิทธิพล แต่ไม่ได้เปิดเผยว่ามีการคุกคามทันทีต่อสถานที่สาธารณะที่เป็นเป้าหมาย ผู้ต้องสงสัยถูกย้ายไปที่ศาลในอิสตันบูลและถูกตั้งข้อหาโดยศาลตุรกี
การสืบสวนที่กำลังดำเนินอยู่นี้มีเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นถึงแรงจูงใจของผู้ต้องสงสัยและผู้สมรู้ร่วมคิดที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ทางการตุรกียังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับรองความปลอดภัยและความมั่นคงของพลเมืองและผู้มาเยือน
ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามตัวแทนยูเครน นาโต้ระดมสมาชิกหนุนอาวุธยูเครนต่อเนื่อง แต่ประธานาธิบดีของตุรกีมีน้ำเสียงที่ต่างออกไปเมื่อเขาพูดถึงอเมริกาและตะวันตกในปัจจุบัน แอร์โดอันกล่าวหาอเมริกาว่าสนับสนุนการก่อการร้ายโดยติดอาวุธให้กลุ่ม pkkซึ่งตุรกีถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ ผู้ร่วมงานของเขาบางคนสงสัยว่าอเมริกามีส่วนรู้เห็นในความพยายามก่อรัฐประหารในปี ๒๕๕๙ และสงสัยว่าจะมาป่วนการเลือกตั้งของตุรกีในปีนี้ เพื่อโค่นผู้นำที่แข็งข้อกับวอชิงตัน การกล่าวหาในลักษณะเดียวกันนี้ถูกปรับระดับที่สหภาพยุโรปซึ่ง ผู้นำตุรกีกล่าวว่าไม่เคยจริงใจ สมาชิกของนาโต้หลายประเทศกลายเป็นสวรรค์ของผู้ก่อการร้ายและอิจฉาความก้าวหน้าของตุรกี
ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของนาโต้กับตุรกีมีแต่เดินหน้าปริร้าว แต่ในทางตรงกันข้าม ด้วยความใจกว้างเปิดรับของปธน.ปูติน แอร์โดอันกลับใกล้ชิดรัสเซียมากขึ้นทุกทีโดยเฉพาะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่กลายเป็นยี่ปั๊วให้รัสเซียขายน้ำมันให้ยุโรปสร้างคะแนนให้กับเขาในหมู่ประชาชนซึ่งนับวันเกิดกระแสไม่พอใจสหรัฐที่ดันสงครามยูเครนไม่จบสิ้น!!