ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสงครามตัวแทนยูเครน เซเลนสกี้จัดสรรกำลังอย่างเร่งรีบ เปลี่ยนรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน เรสนิคอฟ(Reznikov)หายซ่าโดนปลด และจะถูกแทนที่โดยบูดารนอฟ(Budanov) หัวหน้าข่าวกรอง จากข้อมูลของสื่อฝั่งยูเครนนั้น เรสนิคอฟจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ของยูเครน แทนพาเวล เรียบิคิน(Pavel Ryabikin) ขณะที่นอกจากไล่ล่าคนยูเครนไม่เลือกอายุและสภาพร่างกายแล้ว พวกที่อพยพหนีไปโปแลนด์เริ่มได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารให้กลับไปรบ เรียกว่าระดมคนไปเป็นโล่มนุษย์ให้ไม่ได้สนใจประชาชนของตัวเองแม้แต่น้อย
ด้านกองทัพรัสเซียได้โหมรุกกระหน่ำไม่พักตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เช้าวันจันทร์ชาวยูเครนใน ๘ ภูมิภาคได้ยินเสียงไซเรนกรีดร้องเตือนภัยทางอากาศ พร้อมๆกัน ที่คาร์คอฟ, ดนีโปรเปตรอฟสค์, ซาโปริชเชีย, โปลตาวา, เชอร์คาซี, คิโรโวราด, เชอร์นิฮีฟ, และซูมี(Kharkov, Dnepropetrovsk, Zaporozhye, Poltava, Cherkasy, Kirovohrad Region, Chernihiv Region Sumy)
ล่าสุดพลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานผลการปฏิบัติการของกองกำลังรัสเซียในช่วงสุดสัปดาห์
โคนาเชนคอฟกล่าวว่า “ในช่วง ๒๔ ชั่วโมง กองกำลังรัสเซียโจมตีเจ้าหน้าที่ยูเครนและยานพาหนะใน ๑๐๘ เขต ด้วยการบินยุทธวิธี กองกำลังจรวด และปืนใหญ่ สร้างความพ่ายแพ้ให้กับหน่วยปืนใหญ่ยูเครน ๙๒ ยูนิต ทำลายกำลังพลและยานพาหนะทางทหารของยูเครนใน ๑๐๘ เขต”
นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียได้ทำลายระบบปืนใหญ่สนามและปืนครกของยูเครนไปแล้วกว่า ๔,๐๐๐ กระบอก นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษ
ในทิศทางของคริสนีลิมัน (Krasny Liman)กำจัดทหารยูเครนกว่า ๑๒๐ นาย
ในทิศทางโดเนตสค์ กองกำลังรัสเซียถือว่าได้เปรียบกว่ากำจัดทหารยูเครนกว่า ๑๑๕ คน;
ในทิศทางคูเปียนสค์ (Kupyansk);กองทัพรัสเซียกำจัดทหารยูเครนได้ถึง๓๕ นาย ขัดขวางการก่อวินาศกรรมและการลาดตระเวนของยูเครน ๖ กลุ่ม
การป้องกันทางอากาศของรัสเซียยิง UAV จำนวน ๒ ลำและจรวด Uragan และ HIMARS ๑๑ ลำ การสูญเสียทั้งหมดของกองทหารยูเครนในทิศทางโดเนตสค์ใต้และซาโปโรซีรวมทั้งสิ้นเสียชีวิต ๑๓๐ นาย
และจากที่ฝ่ายทหารของสหรัฐฯออกมายืนยันว่าจะส่งลูกยาวให้ยูเครนเพื่อรุกโจมตีรัสเซียได้ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียโดยเฉพาะไครเมีย ทางรัสเซียออกมาซัดกลับทันควันว่าบุกเมื่อไหร่ยูเครนจะไหม้เป็นจุล
วันที่ ๖ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เมดเวเดฟเตือนเดือดหากเคียฟโจมตีไครเมีย การตอบโต้ร้ายแรงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กฎหมายระหว่างประเทศเคารพเจตจำนงของประชาชน” เขาทวีตเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมเสริมว่าไครเมียเป็นภูมิภาคของรัสเซียดังนั้นใครสนับสนุนให้เคียฟโจมตีไครเมียต้องรับผลที่ตามมาด้วย”
การตัดสินใจของเคียฟในการโจมตีไครเมีย หากเคยเกิดขึ้น อาจเพิ่มความขัดแย้งและกระตุ้นให้มอสโกใช้อาวุธชนิดใดก็ได้ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ดมิตรี เมดเวเดฟ เขียนบนหน้าทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์
“การโจมตีไครเมียหมายถึงการโจมตีรัสเซียและทำให้ความขัดแย้งบานปลาย” เมดเวเดฟกล่าวเตือนว่าระบอบการปกครองของเคียฟ “ต้องเข้าใจว่าการโจมตีดังกล่าวจะเผชิญหน้าด้วยการตอบโต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยใช้อาวุธทุกชนิด”
สาธารณรัฐไครเมียและเซวาสโทพอล เมืองที่มีสถานะพิเศษบนคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ปฏิเสธที่จะยอมรับความชอบธรรมของผู้มีอำนาจที่ยึดอำนาจท่ามกลางการจลาจลระหว่างการรัฐประหารนอกกฎหมายในยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๑๔
ไครเมียและเซวาสโทพอลรับรองการประกาศเอกราชเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๐๑๔ พวกเขาจัดการลงประชามติเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๐๑๔ ซึ่ง ๙๖.๗% ของไครเมียและ ๙๕.๖% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เซวาสโทพอลเลือกที่จะแยกตัวจากยูเครนและเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินลงนามในสนธิสัญญาการรวมชาติใหม่เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๐๑๔ เอกสารดังกล่าวได้รับการรับรองโดยสภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียหรือรัฐสภาสองสภาเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ปีเดียวกัน แม้จะมีผลการลงประชามติอย่างท่วมท้น แต่เคียฟยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย