แรงมาแรงกลับ-ตาต่อตาฟันต่อฟัน ชัดเจนแล้วของการยกระดับการสู้รบในสงครามตัวแทนยูเครน เมื่อเมกา-นาโต้เปิดหน้าเล่นส่งกองทัพรถถัง บินรบและประกาศจะส่งระบบต้านอากาศยาน GLSDB มาให้เคียฟ ปูตินงงว่าทำไมเมกาและพวกจึงคิดว่ารัสเซียจะไม่ตอบโต้กลับ และพากันโหมข่าวเชื่อว่ากองทัพรถถังจะกำชัยชนะได้ปูตินย้ำว่ายุคนี้เขารบกันถึงอวกาศโน่น
ล่าสุดก็ดับฝันกี้อีกหลังจากขอกระสุน GLSDB ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกล แต่เพนตากอนปูดว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับ HIMARS MLRS ที่ส่งให้ยูเครนก่อนหน้านี้ได้ต้องรอขออนุมัติระบบใหม่ก่อน
แหล่งข่าวของอเมริกาเผยแพร่แถลงการณ์โดยเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของเพนตากอน โดยกล่าวว่าขีปนาวุธ GLSDB ที่เป็นกระสุนระเบิดเครื่องยนต์จรวด ที่ถ่ายโอนไปยังยูเครนไม่รองรับกับเครื่องยิงอเนกประสงค์ Hymars
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมรัสเซียป้องกันการโจมตีของกองทัพยูเครนต่อเป้าหมายในดินแดนของรัสเซีย และดำเนินการอย่างเหมาะสมสำหรับเรื่องนี้ กลาโหมรัสเซียก็จัดเต็มแบบไม่อั้นที่สำคัญ ต่อให้ส่ง GLSDB พิสัยยิงก็ไกลแค่ ๑๕๐ กม. แต่ของรัสเซียเหนือกว่ายิงไกลได้ถึง ๔๐๐ กม.
วันที่ ๔ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกลจะถูกปล่อยออกจากช่องของระบบปล่อยขีปนาวุธอเนกประสงค์ 3S14 ที่ติดตั้งบนเรือฟริเกต Project 22350M ที่ได้รับการปรับปรุง
ระบบป้องกันทางอากาศโพลิเม้นท์-รีดัต (Poliment-Redut) จะบรรทุกขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกลพิเศษเพื่อโจมตีเป้าหมายในระยะสูงสุดถึง ๔๐๐ กม. แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกลาโหมในประเทศกล่าวกับสื่อเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า
“ระบบ Poliment-Redut ที่จะติดตั้งบนเรือฟริเกต Project 22350M ที่อัพเกรดแล้ว จะได้รับขีปนาวุธพิสัยไกลพิเศษขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายทางอากาศที่ระยะสูงสุด ๔๐๐ กม. นอกเหนือจากระยะกลางและระยะไกลทางอากาศของขีปนาวุธป้องกัน”
ปัจจุบัน เครื่องยิง Poliment-Redut สามารถยิงขีปนาวุธที่มีระยะโจมตี ๑๕๐ กม.แต่รุ่นนี้ยิงได้ไกลขึ้น
ความสามารถเกือบสามเท่าในการสกัดกั้นเป้าหมายทางอากาศจะช่วยให้เรือฟริเกตของรัสเซีย สามารถต่อสู้กับเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า, ควบคุมทางอากาศระยะไกลของนาโต้ และจัดระบบการป้องกันทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยใกล้และระยะกลาง
ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกลจะถูกปล่อยออกจากช่องของระบบปล่อยขีปนาวุธอเนกประสงค์ 3S14 ที่ติดตั้งบนเรือฟริเกตโครงการ 22350 แอดมิรัล กอร์ชคอฟ (Admiral Gorshkov) บรรทุกเครื่องยิงจรวด ๒ เครื่องสำหรับขีปนาวุธ ๑๖ ลูก เริ่มจาก แอดมิรัล อเมลโค(Admiral Amelko) เรือรบลำที่ 5 ของโครงการ 22350 เรือฟริเกตจะติดอาวุธด้วยระบบยิง ๔ ระบบ แต่ละลำมีขีปนาวุธ ๘ ลูก เรือฟริเกต Project 22350M ที่ได้รับการอัพเกรดแล้วจะมีเครื่องยิง ๖ เครื่องสำหรับขีปนาวุธ ๔๘ ลูก
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกลาโหมเปิดเผยว่า พิธีวางกระดูกงูของเรือฟริเกตนำโครงการ 22350M ที่อู่ต่อเรือเซอเวอร์นายา เวิร์ฟ (Severnaya Verf) มีกำหนดจัดขึ้นในปีนี้ โดยรวมแล้ว แผนดังกล่าวมองเห็นการสร้างเรือฟริเกต Project 22350M จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ลำ
เรือฟริเกต Project 22350 จะเป็นเรือรบที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือรัสเซียในระดับเดียวกัน เรือฟริเกตเหล่านี้เป็นเรือประจัญบานอเนกประสงค์ที่สามารถต่อสู้กับเรือผิวน้ำ เครื่องบิน และเรือดำน้ำของข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโจมตีต่อภาคพื้นดินและชายฝั่งในระยะมากกว่า ๑,๕๐๐ กม.สามารถระวางขับน้ำได้ ๔,๕๐๐ ตันและสามารถเร่งความเร็วได้ถึง ๒๙ นอต พวกเขาติดอาวุธด้วยขีปนาวุธร่อนโอนิกส์ และคาลิเบอร์ (Oniks and Kalibr) และระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ โพลิเม้นท์-รีดัต(Poliment-Redut)
เรียกว่าถ้าอเมริกาส่งจรวดพิสัยไกล GLSDBมาให้เคียฟก็ต้องเจอกับ Poliment-Rudut ของรัสเซียที่ยิงไกลถึง ๓ เท่า แบบนี้รัสเซียคงไม่สะท้านกับคำขู่ของเซเลนสกี้และทีมไบเดนเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะโม้อาวุธเทพแล้วตะวันตกยังเป็นอณาจักรแห่งจอมโกหกตามที่เซอร์เก ลาฟรอฟรมว.ต่างประเทศรัสเซียเคยประณามไว้ เพราะเกิดกระแสโหมข่าวว่า เมกาส่งCIA ไปพบปูตินเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เสนอยอมให้ดินแดนยูเครน ๒๐%แลกสงบศึก แต่ปูตินและเซเลนสกี้ไม่ยอม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการปั่นกระแสจากตะวันตกทั้งนั้น โฆษกเครมลินยืนยันว่าเป็นข่าวเท็จ
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “รายงานที่ว่าสหรัฐฯ เสนอแผนให้สัมปทานดินแดนจากยูเครนเพื่อแลกกับสันติภาพนั้นเป็นเพียงเรื่องเท็จ เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ” โฆษกของเครมลินตอบคำถามสื่อเมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของสื่อที่นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ถูกกล่าวหาว่าส่งต่อข้อเสนอดังกล่าวไปยังมอสโกว์
ทำเนียบขาวเรียกข้อกล่าวหาเหล่านี้ว่าไม่มีมูล นิตยสาร Newsweek อ้างคำพูดของชอน เดวิตต์ (Sean Davitt) รองโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่าข้อมูลที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สวิสนั้น “ไม่ถูกต้อง” ในทำนองเดียวกัน เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งกล่าวว่า รายงานของเบิร์นส์ที่ถูกกล่าวหาว่าไปเยือนมอสโกว์ในเดือนมกราคมตามคำร้องขอของทำเนียบขาวพร้อมข้อเสนอสำหรับข้อตกลงสันติภาพนั้น “เท็จโดยสิ้นเชิง”