เกือบคิดไปว่านี่มัน พระเอกลิเกชัดๆ!!! แต่เมื่อขยี้ตาดูอีกที่แท้ก็นักการเมืองรุ่นใหม่??? กำลังสร้างภาพปั่นราคาหากินกับประชาชนด้วยการพ่นคำพูดหรู แค่ลาออกจากกมธ. ถึงกับต้องแถลงฟุ้งสภาฯ กระนั้นเมื่อมองเนื้อในก็เข้าใจได้ว่า นี่คือการชิงเล่นบทปลุกระดม เพราะคดีที่ตัวเองมีคุกรออยู่???ทั้งกับพรรคที่อาจถึงขั้นยุบหากผิดจริง??? วันนี้มีคนกระชากหน้ากาก ให้เห็นไม่เฉพาะหนังหน้าแต่ทะลวงไปถึงไส้ในกันเลยทีเดียว!!!
29 พ.ย.62 ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงในรอบเดือนที่ผ่านมาได้รับแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎร ให้เป็นที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
แต่เนื่องจากความผันผวนทางการเมืองในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่กมธ. และถึงแม้ตนลาออกจากสภาไป แต่การทำงานอนาคตใหม่ในสภาฯก็ยังมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ เป็นผู้นำอยู่ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และเป็นนักกฎหมายมหาชนที่หาตัวจับได้ยาก
การลาออกจากกมธ.งบประมาณในครั้งนี้ เพื่อกลับไปอยู่กับประชาชน ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นผมในสภา ผมก็ไม่ขออยู่ในสภา ผมจึงขอกลับไปอยู่กับประชาชน ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อพี่น้องประชาชนลุกขึ้นยืนตรง ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ ไม่ยอมทนกับระบอบที่กดหัวประชาชนไว้อีกต่อไป
สิ่งที่อภิสิทธิ์ชนพยายามทำอยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้ คือการรวบอำนาจเข้าสู่ตัวเอง และพวกพ้อง และใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ส.ว. หรือคนร่างรัฐธรรมนูญที่เขาแต่งตั้งมาเอง นั่นคือการรวบอำนาจมาอยู่ที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชน ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ” นายธนาธร กล่าว
ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับผู้ที่อ้างตัวเองเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ผู้รักประชาธิปไตย อย่างนายนายธนาธร ยังตอบคำถามสื่อเมื่อถามว่า “เขา” ในที่นี้หมายถึงใคร ซึ่งนายธนาธร หัวเราะก่อนตอบว่า “ทุกคนก็น่าจะรู้”
ตนยืนยันว่า การเข้ามาทำงานการเมืองไม่ได้ต้องการยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ไม่ได้อยากเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรี ตนตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อนำการเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ดีกว่าให้ประชาชน แม้ได้เข้าสภาตนก็ยังทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ด้วยการออกไปพบปะประชาชน และนำปัญหาให้ส.ส.พรรคได้ช่วยแก้ไข
เมื่อสื่อถามว่า การลาออกครั้งนี้เป็นการประกาศที่จะลงสู่ถนนอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่ โดยายธนาธร ก็หัวเราะอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า “อย่าเรียกอย่างนั้นดีกว่า”
ทั้งนี้หนังสือลาออกจากตำแหน่งกมธ.งบฯของนายธนาธร ได้ส่งถึงนายอุตตม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. โดยระบุว่า “ข้าพเจ้าขอลาออกจากตำแหน่งกมธ และตำแหน่งอื่นในคณะกมธ ชุดนี้ทุกตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2562 เป็นต้นไป เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้ข้าพเจ้าเข้าสภา ข้าพเจ้าขออยู่กับประชาชน”
เห็นไหมละว่า หากไม่ดูดีๆเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า กำลังดูพระเอกลิเกที่หลงโรงมาเล่นอยู่ในสภาฯ ซึ่งคำพูดเหล่านั้นฟังดูเท่ ดูดี แต่ถามว่า เป็นคำพูดที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ ลองมาฟังอีกด้านจากนักการเมืองด้วยกัน
29 พ.ย.62 คล้อยหลังนายธนาธรแถลงไม่นาน ก็มีความเคลื่อนไหวจากสังคมหลายส่วน และที่ดูแหลมคมน่าสนใจที่เห็นว่าสื่อควรนำมาเสนอเพื่อให้ประชาชนได้ล่วงรู้อย่างเท่าทันของพฤติกรรมจากวาทกรรมนั้น ซึ่งนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ตีแผ่ไว้ดังนี้
ความย้อนแย้งของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
“เห็นหนังสือลาออกจากกรรมาธิการงบประมาณฯของนายธนาธร แล้วมีข้อสังเกตุบางประการ ในหนังสือลาออกนายธนาธร ให้เหตุผลว่า”เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้ข้าพเจ้าเข้าสภา ข้าพเจ้าขออยู่กับประชาชน”
เหตุผลนี้ หลอกชาวบ้านได้ แต่หลอกผมไม่ได้ เพราะตอนที่พรรคอนาคตใหม่ตั้งนายธนาธรเป็นกรรมาธิการ มีการถกเถียงกันยกใหญ่ว่า นายธนาธรถูกศาลให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ นายธนาธรสามารถเป็นกรรมาธิการได้หรือไม่ นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ออกมาโต้ว่า เขามาในฐานะคนนอกไม่ได้มาในฐานะส.ส.
ผมเองยังออกมาเถียงแทนนายธนาธรว่า แม้นายธนาธรถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. แต่นายธนาธรก็สามารถเป็นกรรมาธิการได้ แต่เมื่อนายธนาธรลาออกกลับอ้างเหตุผลว่า เมื่อเขาไม่ต้องการให้เข้าสภาก็ขอลาออกเพื่ออยู่กับประชาชน มันจึงย้อนแย้งกัน
ผมว่า นายธนาธร ไม่รับผิดชอบมากกว่า เพราะการเป็นกรรมาธิการงบประมาณมันเหนื่อย มันต้องศึกษา มันต้องขยันและอดทน การที่นายธนาธรทอดทิ้งตำแหน่งสำคัญไป จึงถือว่าไม่รับผิดชอบต่อประชาชน ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่เขาให้ไปตรวจสอบการใช้งบประมาณ
อย่าใช้เหตุผลนี้มาหลอกประชาชนเลย มันดูดี มันเท่แต่มันใช้ไม่ได้ ผมยืนหยัดปกป้องนักการเมืองเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ ครั้งนี้ผมตรวจสอบนักการเมือง ครั้งนี้ ผมกระชากหน้ากากนายธนาธรเลยล่ะ ถ้านายธนาธรคิดว่า ผมดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท เชิญฟ้องผมได้ครับ ตามสบาย!!”
ชัดเจนไหม??? เนื้อในที่นายธนาธรพูด กับความจริงที่นายนิพิฏฐ์ถอดความออกมา นั่นเป็นการมองด้วยสายตานักการเมืองด้วยกัน และไม่เพียงเท่านั้นหากยังเห็นไส้ในคนอย่างธนาธรไม่พอ ดังนั้นลองย้อนกลับไปดูถึงข้อมูลก่อนนี้ที่เปลือยธาตุแท้กันให้เห็นอย่างอุจาดพฤติกรรม
23 ต.ค. 62 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะผู้รับผิดชอบส่วนงานร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ใช้อำนาจประธานสภาวินิจฉัยต่อกรณีคุณสมบัติของนายธนาธร
ซึ่งอยู่ระหว่างยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราวตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถดำรงตำแหน่ง กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้หรือไม่ โดยในหนังสือที่นายสุชาติส่งถึงนายชวนนั้น มีสาระที่เป็นความเห็นทางข้อกฎหมายและความเห็นส่วนตัว
โดยความเห็นทางของฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรฯ ระบุว่า สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.ได้ เพราะก่อนหน้านั้นมี ส.ส.ที่เคยถูกคำสั่งศาลให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.สามารถแต่งตั้งให้เป็น กมธ.วิสามัญ สัดส่วนบุคคลภายนอกได้
ขณะที่ความเห็นส่วนตัวของนายสุชาติ ระบุว่า นายธนาธรไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯได้ เพราะไม่เหมาะสม อีกทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่ไม่ชัดเจน
24 ต.ค. 62 การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นัดแรกนายธนาธร ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมด้วย แม้จะมีข้อทักท้วงว่านายธนาธรไม่สามารถร่วมเป็นกรรมาธิการฯได้ เนื่องจากอยู่ในสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นการชั่วคราว
24 ต.ค. 62 ที่รัฐสภาวันเดียวกัน นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นคัดค้านการได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า รายชื่อของตนได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภา และได้รับการรับรองแล้ว ตนเข้ามาเป็น กมธ.ในส่วนคนนอก แต่อยู่ในนามพรรค
หากมีปัญหาก็ต้องชี้แจง และคนที่คิดว่ายังมีปัญหาก็ต้องยื่นเรื่องไปที่ฝ่ายกฎหมายของสภา ถ้าสภาว่าอย่างไรตนก็ว่าอย่างนั้น ตนเคารพคำตัดสิน ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยมีประเด็นอะไรที่เราฝ่าฝืน
ส่วนที่มีคนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ หากผลออกมาเป็นลบจะทำอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า “ก็ไม่มีอะไร เดินออกมาก็จบ เท่านั้นเอง ไม่ได้ซีเรียส” นายธนาธร กล่าว
25 ต.ค. 62 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยสถานะของนายธนาธร ว่าสามารถเป็นกรรมาธิการได้หรือไม่ว่า การตั้งคณะกรรมาธิการไม่ใช่ประธานสภาฯ ตั้งเป็นเรื่องของสภาฯ ลงมติตั้งใครก็ได้ ที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญซึ่งอนุญาตให้เป็นได้ทั้งส.ส. และคนนอก
เมื่อสื่อข่าวถามว่าบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. แต่ไปเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนคนนอก สามารถทำได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก บทบาทผู้แทนราษฎรทำไม่ได้ แต่บทบาทของกรรมาธิการวิสามัญเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเด็นไม่น่าจะมีปัญหามากเพียงแต่อาจมีผู้ติดใจ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนั้น
“แต่จริงๆแล้วทางฝ่ายสภาฯมีความเห็นว่า เขาสามารถทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการได้ แต่ภายในกรอบว่า ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับบทบาทของความเป็นผู้แทนก็ทำไม่ได้” นายชวน กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามาในสัดส่วนคนนอกได้ นายชวน กล่าวว่า คนนอกก็มาลงชื่อ แต่ลงมติไม่ได้
20 พ.ย. 62 นายชัยชนะ เดชเดโช โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการทำงาน โดยนายธนาธร หนึ่งในคณะกรรมาธิการก็เดินทางเข้าร่วมประชุมด้วยพร้อมกรรมาธิการคนอื่นๆ
ที่ยกเอาข่าวสารนี้มานำเสนอก็เพื่อให้สังคมประชาชนคนไทย ได้เห็นว่า การเข้าไปเป็นกรรมาธิการฯสภาของนายธนาธร ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด บุคคลผู้นี้ได้เข้าร่วมประชุมมาโดยตลอด ประการสำคัญคือสภาฯได้ให้การรับรองอย่างถูกต้อง!!! ทั้งในวันนั้นเจ้าตัวก็บอกเองว่า หากติดขัดเป็นกมธ.ไม่ได้ก็แค่เดินออกมา ก็จบ ไม่ซีเรียส!?!
ฉะนั้นจึงเกิดคำถามว่าแล้วที่นายธนาธร ยืนแถลงแบบที่พูดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา มันหมายความว่าอย่างไร ใช่โกหกหลอกลวงหรือไม่??? ใช่แค่ประดิษฐ์คำปลุกระดมประชาชนหรือไม่??? ใช่เป็นการชิงเล่นบทก่อนจะโดนคดีที่มีคุกและการยุบพรรครออยู่ใช่หรือไม่???
20 พ.ย. 62 นายธนาธร กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส สิ้นสุดลง กรณีถือหุ้นสื่อบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเมื่อสื่อถามว่า คำวินิจฉัยนี้ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน แต่ยืนยันเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป “เลือกตั้ง 24 มีนาคมไม่ใช่แค่สมรภูมิเดียว และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่
20 พ.ย. 62 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุ “ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ธนาธร พ้นจากตำแหน่งส.ส. เนื่องจากมีคุณลักษณะต้องห้าม เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ #อนาคตใหม่ ยังเดินหน้าต่อ ธนาธรยังเป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
20 พ.ย. 62 นายปิยบุตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายธนาธร ว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล แม้ว่านายธนาธร จะถูกตัดสิทธิ แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรค ผู้นำพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าเมื่อไรที่มีการลงมติเลือกนายกฯ นายธนาธร ก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับการเลือกเป็นนายกฯ
นี่อีกเรื่องที่จำเป็นต้องหยิบยกมาให้สังคมประชาชนคนไทยได้เห็นและพิจารณาถึงความเป็นนายธนาธร เมื่อวันก่อนทั้งตัวเองและแกนนำพรรคตอกย้ำ พูดแบบแผ่นเสียงเดียวกันว่า แม้หลุดพ้นจากการเป็นส.ส.แล้วแต่ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่ แต่ผ่านมาไม่กี่วัน ก็พูดว่าตนเองยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ
หรือความเป็นตัวตนที่แท้จริงของธนาธร จะเป็นอย่างที่นายนิพิฏฐ์พูด??? ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนไทยก็หูตาสว่างเยอะขึ้นอีก!!! ดังนั้นนับจากนี้ให้จับตาเลยว่า ธนาธรจะทำอะไร รับรองงานนี้มีความจริงที่ทุกคนจะได้รู้อีกอย่างคาดไม่ถึง!?!