อิสราเอลฮึกเหิมในการทำลายชีวิตชาวปาเลสไตน์หนักขึ้นทุกวัน เพราะมั่นใจว่าอย่างไรเสียเมกาก็หนุนหลัง ยุโรปก็เป็นลูกไล่เมกาไม่กล้าหือกับอิสราเอล ล่าสุดเข้าไปวิสามัญชาวปาเลสไตน์ในค่ายผู้ลี้ภัยถึง ๑๐ คน อ้างจับกุมฐานต้องสงสัยแต่ต่อสู้เลยยิงดับ ขณะที่ตลอดเดือนนี้สังหารมาแล้วในหลายเมือง รวมกว่า ๓๐ ราย ไม่นับบจับขังงคุกอีกจำนวนมาก
และแล้วได้เกิดเหตุร้าย สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในหลายเมืองของอิสราเอลเนื่องจากการโจมตีโดยจรวด ก่อนหน้านี้มีระเบิดพลีชีพกลางเมืองเทลอาวีฟมาก่อนแล้ว ยังไม่มีรายงานหลุดมาว่าใครทำใครดับบ้าง แต่กองทัพอิสราเอลประกาศแล้ว เตรียมโจมตีฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้การยิงจรวด
วันที่ ๒๗ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาสนิมฯและอัลจาซิรา รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์รายงานการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์ จากการปราบปรามของกองกำลังอิสราเอลในค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่เขตเวสแบงก์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๑๐ ราย หนึ่งในนั้นเป็นหญิงชรา และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ ๒๐ คน จากปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเจ้าหน้าที่อิสราเอล ซึ่งตรวจค้นค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองเจนิน ของเขตเวสต์แบงก์
นอกจากนั้น ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เมืองอัล-ราม ทางเหนือของนครเยรูซาเลม ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลวิสามัญชายชาวปาเลสไตน์ วัย ๒๒ ปี และชาวปาเลสไตน์อีกอย่างน้อย ๑ ราย เสียชีวิตระหว่างการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของอิสราเอล ที่เมืองรามัลเลาะห์ ในเขตเวสต์แบงก์
ขณะที่รัฐบาลปาเลสไตน์ประกาศยุติข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับอิสราเอล “อีกครั้ง” โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นการลงนามร่วมกัน เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตเวสต์แบงก์ และเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ก่อเหตุโจมตีอิสราเอล น่าสังเกตุว่าผู้นำปาเลสไตน์ที่ถูกแต่งตั้งจากอิสราเอลไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่โวยวาย การเข่นฆ่าสังหารอย่างย่ามใจของกองกำลังอิสราเอลจึงดำเนินไปอย่างไม่มีใครขัดขวาง
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า ปฏิบัติการของเจ้าพนักงาน “เป็นไปตามหน้าที่” และไม่มีเจตนายกระดับความรุนแรงของสถานการณ์ อย่างไรก็ดี ตอนนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทุกแห่งยกระดับความพร้อมรับมือกับ “สถานการณ์ไม่คาดฝันทุกรูปแบบ” พร้อมทั้งยืนยันจะตรวจสอบ การเสียชีวิตของหญิงชราชาวปาเลสไตน์
ส่วนกองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) ออกแถลงการณ์ ยืนยันปฏิบัติการที่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองเจนินจริง เพื่อค้นหาและจับกุมสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งต้องสงสัย “เตรียมการก่อการร้าย” แต่กลุ่มผู้ต้องสงสัยขัดขืน จึงเกิดการต่อสู้กัน
ในอีกด้านหนึ่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เตรียมเยือนอียิปต์ อิสราเอล และเขตเวสต์แบงก์ ในสัปดาห์หน้า
นับตั้งแต่วันที่ ๑ ม.ค. ที่ผ่านมา ปฏิบัติการปราบปรามของเจ้าหน้าที่อิสราเอลส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต “อย่างน้อย ๓๐ ราย” รวมทั้งพลเรือนและสมาชิกกลุ่มต่อต้านตามการรายงานของฝ่ายอิสราเอล
ยิ่งเดือดระอุหนักขึ้นไปอีก เมื่อรัฐมนตรีสายเหยี่ยวของรัฐบาล “เนทันยาฮู” แผงฤทธิ์ ยืนกรานจะทำลายมัสยิดอัล-อักศอ สัญญลักษณ์สำคัญของอิสลาม
อิตามาร์ เบนกิว(Itamar Benguir) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายในของอิสราเอล ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าเขาจะดำเนินการโจมตีมัสยิดอัล-อักศอต่อไป ซึ่งขัดกับคำสัญญาในอดีต ของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่มีต่อกษัตริย์แห่ง จอร์แดนว่าจะไม่แตะต้องมัสยิสนี้ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจมุสลิม
ขณะเดียวกันที่ความรุนแรงคุกรุ่นในอิสราเอล-ปาเลสไตน์ การเคลื่อนไหวจากประเทศมุสลิมทั่วโลก ได้ประณามและประท้วงการเผาคัมภีร์กุรอ่านโดยกลุ่มขวาจัดในสวีเดน เรื่องนี้อิหร่านออกมาประณาม ระบุชัดว่าการโจมตีของมหาอำนาจผู้หยิ่งยะโสในครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่อิสลาม !!
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน อยาตุ้ลลอฮ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ทวีตผ่านบัญชีที่เป็นทางการของตนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประณามการดูหมิ่นอัลกุรอานอย่างรุนแรง “ภายใต้สโลแกนของเสรีภาพในการพูด”
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านก็ได้ออกมาประณามและระบุว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการแสดงความเกลียดชังและความรุนแรงต่อชาวมุสลิม เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
ทั้งนี้ ประเทศในตะวันออกกลางหลายประเทศได้ออกมาประณามการล่วงละเมิดต่ออัลกุรอานอย่างเป็นเอกฉันท์ ทั้งจอร์แดน คูเวต อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และปากีสถาน รวมถึงชาติมุสลิมอื่นๆ ต่างแสดงความโกรธต่อการกระทำครั้งนี้
ราสมัส พาลูดัน(Rasmus Paludan) นักการเมืองหัวรุนแรงชาวสวีเดน-เดนมาร์กชื่อกระฉ่อน ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสวีเดนให้เผาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมหน้าสถานทูตตุรกีในกรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พาลูดันได้รับการคุ้มครองจากตำรวจสวีเดน ขณะกระทำการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ซึ่งได้เปิดประตูความแค้นและนำมาซึ่งการประท้วงครั้งใหญ่ขยายวงกว้างในโลกมุสลิม!!