ท่ามกลางสงครามตัวแทนในยูเครนยังรบกันอย่างดุเดือดไม่มีทีท่าจะสงบอย่างที่โลกคาดหวัง สหรัฐและนาโต้ต่างเปิดเผยท่าทีที่ต้องการลากยาวสงครามเพื่อหวังให้รัสเซียติดหล่มสงครามและล่มสลายในทุกๆด้าน ขณะเดียวกันก็เร่งมือกดดันบีบพันธมิตรที่แข็งแกร่งของรัสเซีย ให้ต้องเผชิญชะตากรรมการทำลายล้างจากเมกาและพวกเช่นกัน แต่ยิ่งทำให้่สองประเทศนับวันสัมพันธ์เหนียวแน่นมากขึ้น
ล่าสุดทีมสภานิติบัญญัติอิหร่านและรัสเซียได้พบกันและประกาศอย่างเปิดเผยจะร่วมมือกันผลักดันโลกหลายขั้วที่ยุติธรรม แทนมหาอำนาจขั้วเดี่ยวที่จ้องบีบคั้นเอาเปรียบประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะยอมศิโรราบหรือไม่ ส่งสัญญาณบอกตะวันตกว่าพันธมิตรรัสเซีย-อิหร่านพร้อมแล้วกับการเผชิญหน้า เลือกข้างในสงครามจัดระเบียบโลกใหม่ในทุกมิติ
วันที่ ๒๔ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซนิมเอเจนซี่ รายงานว่า ประธานรัฐสภาอิหร่าน โมฮัมหมัด แบเคอร์ คาลิบัฟ(Mohammad Baqer Qalibaf) และประธานสภาดูมา แห่งรัสเซีย เวียเชสลาฟ โวโลดิน (Vyacheslav Volodin) พิจารณาแผนการที่จะดำเนินข้อตกลงความร่วมมือที่ครอบคลุมระยะเวลา ๒๕ ปีระหว่างสองประเทศ
ในการประชุมกับหัวหน้าสภาดูมาของรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา คาลิบัฟกล่าวว่า “การประชุมครั้งที่สามของคณะกรรมาธิการรัฐสภาร่วมสูงสุดของอิหร่านและรัสเซียจัดขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศได้พัฒนาความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือและประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ่น
คาลิบัฟกล่าวว่าด้วยความหวังที่จะให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศในด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในปี ๒๕๖๖ ทางการในกรุงเตหะรานและมอสโกว์ ได้ตระหนักดีว่ามีเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคี ตลอดจนประเด็นระดับชาติและระดับภูมิภาค โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย เขาเรียกร้องให้มีความพยายามดำเนินการข้อตกลง 25 ปีโดยเร็วที่สุด
เขากล่าวว่า “รัสเซียและอิหร่านเป็นประเทศที่ยืนหยัดเพื่อความเป็นพหุขั้วและระเบียบโลกที่ยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศทั้งสอง”
และย้ำว่า “วอชิงตันและบริวารต้องการหยุดการพัฒนารัฐของเราทั้งแทรกแซงกิจการภายในไม่จบสิ้น ความพยายามเหล่านี้ถึงวาระที่จะล้มเหลว ประเทศของเราจะไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจเผด็จการจากภายนอก”
ด้านเวียเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมาแห่งรัสเซีย กล่าวยกย่องแนวโน้มเชิงบวกในการพัฒนาความสัมพันธ์ของรัสเซียกับอิหร่าน และตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลง ๒๕ ปีระหว่างสองรัฐ ไม่เพียงทำให้เกิดความสัมพันธ์ระดับใหม่เท่านั้น แต่จะเป็นรากฐานของการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกด้าน
ประธานสภาดูมาของรัสเซียเดินทางเยือนรัฐสภาอิหร่านในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาพร้อมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการของรัสเซียหลายคนที่รับผิดชอบด้านพลังงาน การค้า การขนส่ง และกิจการเกษตรกรรม ซึ่งเข้าร่วมการประชุมครั้งที่สามของคณะกรรมาธิการรัฐสภาร่วมสูงสุดของอิหร่านและรัสเซีย
ในการพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของรัสเซีย นอกรอบการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ในอุซเบกิสถานในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี แสดงจุดยืนของเตหะรานต่อต้านการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยรับรองกับปธน.ปูตินว่า อิหร่านจะไม่เข้าร่วมการรณรงค์คว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียในทุกกรณี ปูตินยังกล่าวตอบในที่ประชุมว่าประเทศตะวันตกไม่ใช่เจ้าแห่งคำพูด ไม่เคยรักษาสัญญา เพราะพวกเขาจะให้ตามที่เขาต้องการให้หรือรับอย่างที่เขาต้องการเท่านั้น
สถานการณ์ล่าสุดที่สหรัฐฯ ประกาศแบล็กลีสต์กองทัพอิหร่าน แต่อียูแม้ยอมรับคว่ำบาตรวีซ่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษผู้ประท้วงกรณีผ้าคลุมผมฯ แต่ยังไม่ยอมรับแบล็กลิสต์ “กองกำลังอิหร่าน”ทั้งหมด
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๒๓ ม.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า สหรัฐฯ ร่วมกับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามหรือ (Islamic Revolutionary Guards Corps – IRGC) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้ชุมนุมในอิหร่าน ประกอบไปด้วย กองทุน IRCG คณะกรรมการและผู้บัญชาการระดับสูงของ IRCG 4 คน รวมถึงนาย Naser Rashedi รมช.กระทรวงข่าวกรองและความมันคงของอิหร่าน
แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปยืนยันว่า การขึ้นบัญชีดำ “กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน” ต้องเป็นไปตาม “คำสั่งศาล” เท่านั้น
นายโฮเซป บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่า การขึ้นบัญชีดำลักษณะนี้ “ไม่ใช่สิ่งที่สามารถปฏิบัติได้ตามอำเภอใจ” เรื่องดังกล่าวมีขั้นตอนตามกฎหมาย นั่นคือ ศาลของสมาชิกทั้ง ๒๗ ประเทศ ต้องมีคำสั่งหรือคำพิพากษาประณามไออาร์จีซี หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู ในกรุงบรัสเซลส์ จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้
#Iran FM @Amirabdolahian : According to the EU rotating president's remarks, the Westerners are not after implementing the anti-#IRGC resolution, but if Europe does not change its stances, the possibility of taking any countermeasures is conceivable. pic.twitter.com/5PutItCeut
— Government of the Islamic Republic of Iran (@Iran_GOV) January 22, 2023
ไออาร์จีซีก่อตั้งภายในเวลาไม่นาน หลังผ่านพ้นการปฏิวัติ เมื่อปี ๒๕๒๒ปัจจุบันมีกำลังพลประมาณ ๑๒๕,๐๐๐ นาย ครอบคลุมทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ขึ้นตรงกับผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ที่ตอนนี้คือ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ว่า ไออาร์จีซีถือเป็น “องค์กรต่อต้านการก่อการร้ายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” เนื่องจาก “เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านอิสราเอล ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายขนาดใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยสหราชอาณาจักร และสนับสนุนโดยสหรัฐ” ขณะที่ พล.ต.ฮอนเซ็น ซาลามี ผู้บัญชาการไออาร์จีซี เตือนอียูเกี่ยวกับ “ผลที่จะเกิดขึ้นตามมา” หากมีการขึ้นบัญชีดำไออาร์จีซี