สัญญาณการโหมไฟสงครามสหรัฐฯ-นาโต้กับรัสเซียเด่นชัดขึ้นทุกวัน นาโต้ประกาศเปิดหน้ารบแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อสรุปผลการประชุมครั้งล่าสุดที่ฐานทัพอเมริกาในเยอรมนีว่าจะส่งกองทัพรถถังนาโต้ให้ยูเครนลุยกับรัสเซีย แม้จะมีหลายประเทศไม่เต็มใจแต่ในที่สุดก็ไม่อาจขัดขวางแผนการใหญ่ของชนชั้นสูงแองโกลแซกซอนที่ควบคุมสหรัฐฯและกลไกต่างๆทั่วโลกได้
ล่าสุดอดีตประธานาธิบดีรัสเซียทำนายชัดว่า สหรัฐจะพ่ายแพ้ในมหาสงครามที่อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จักรวรรดินิยมอเมริกาที่ครอบงำโลกจะล่มสลาย เพราะจะเกิดพันธมิตรทางทหารใหม่ต่อต้านสหรัฐฯผุดขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของโลก
วิกฤตยูเครนจะนำไปสู่การก่อตั้งกลุ่มประเทศที่ “เอือมระอา” กับวอชิงตัน และดิ้นรนหาอิสระจากการบังคับครอบงำ
ในขณะเดียวกัน การสู้รบที่แนวหน้าในยูเครนเป็นไปอย่างดุเดือดเข้มข้นอย่างเต็มที่ เมืองโอเดสซาในที่ตั้งของกลุ่มทหารรับจ้างถูกถล่มยับ จุดยุทธศาสตร์ในโดเนตสค์และลูฮันสค์ได้รับการปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง เปิดโฉมหน้าการรบจากปฏิบัติการพิเศษ เข้าสู่การรุกรบเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่หรือ NWO: New world order อย่างแท้จริงแล้ว จะสังเกตุได้ว่านับต่อแต่นี้รัสเซียจะรุกเพื่อปลดปล่อยเมืองแนวหน้าทั้ง ๔ ภูมิภาคใหม่และรุกคืบเข้าไปในเขตชั้นในของยูเครนมากขึ้น จับตาการขนส่งขบวนรถถังที่นาโต้จะส่งให้ยูเครน และเอบรามส์ของเมกามาอยู่ในโปแลนด์แล้วว่า รัสเซียจะตอบโต้แบบใด
วันที่ ๒๓ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตปธน.และรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย กล่าวว่า “ชาติตะวันตกพร้อมที่จะพยายามทำลายล้างรัสเซียอย่างไม่สิ้นสุด และพันธมิตรทางทหารรายใหม่จะปรากฏขึ้นทั่วโลก พันธมิตรทางทหารของประเทศต่างๆ ที่ ‘เอือมระอากับวอชิงตัน’ จะร่วมมือกันต่อต้าน”
เมดเวเดฟกล่าวสรุปเหตุผลสองประการ “ประการแรก “มันคงเป็นเรื่องยากมาก” ที่จะทำลายรัสเซียได้ตามที่ตะวันตกคาดหมาย “ประการที่สอง” ในกรณีที่ความขัดแย้งยืดเยื้อ พันธมิตรทางทหารใหม่อาจปรากฏขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยประเทศที่จะถูกอเมริการังแก” และพันธมิตรของพวกเขาจะรวมมือกันต่อสู้
เขากล่าวย้ำว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นเสมอในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในช่วงสงครามอันยาวนาน และในที่สุด สหรัฐฯจะละทิ้งยุโรปเก่าและสิ่งที่เหลืออยู่ของชาวยูเครนผู้โชคร้าย แล้วโลกจึงจะกลับสู่สมดุลอีกครั้ง”อดีตผู้นำเตือนว่ามันอาจจะ“สายเกินไป”ก่อนที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ทางด้านนาโต้เปิดหน้าแล้วในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมจาก ๕๐ ประเทศพบกันที่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯที่แรมสเตน (Ramstein) ในเยอรมนี หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่เคียฟ แม้จะเกี่ยงกันแต่การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯเคลื่อนย้ายขบวนรถถังเอบรามส์เข้าสู่โปแลนด์บ่งบอกว่า สมรภูมิเดือดต่อไปจะเกิดที่โปแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย
สถานการณ์ล่าสุดในแนวหน้าช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากถล่มฐานส่องสุมทหารต่างชาติในโอเดสซาแล้ว กระทรวงกลาโหมได้มีการเปิดตัวปฏิบัติการปลดปล่อยเมืองเบโลโกรอฟก้า(Belogorovka)ทางเหนือของบักมุต
การปฏิบัติการรบหลักภายใต้กรอบปฏิบัติการพิเศษของกองทัพรัสเซียกำลังดำเนินการในสองภาคส่วนหน้าเป็นหลัก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโดเนตสค์ และในทิศทางซาโปริชเชีย (Zaporozhye) ในขณะที่ระดับความตึงเครียดยังเพิ่มขึ้นทางตะวันตกของลูฮันสค์
ใกล้กับบักมุตหรืออาร์ติมอฟสค์ (Artyomovsk) PMC “Wagner” ยังคง “บดขยี้” บุคลากรและอุปกรณ์ของศัตรู ขยายพื้นที่ภายใต้การควบคุมในพื้นที่ชานเมืองและพยายามตัดถนนไปยัง คอนสแตนตินอฟก้า (Konstantinovka) บีบศัตรูออกจากตำแหน่งใกล้กับเมือง เปรดเท็คชิโน(Predtechino)
ทางตอนเหนือของ Soledar ดินแดนตามทางหลวงที่นำไปสู่ Seversk ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของกองทัพยูเครนใน Donbass กำลังได้รับการปลดปล่อย ทางตะวันออกของเมืองนี้ กองกำลังรัสเซียกำลังต่อสู้ในพื้นที่พิพาท ทางเหนือ มีการเปิดปฏิบัติการเพื่อปลดปล่อยเมืองเบโลโกรอฟก้า (Belogorovka) ซึ่งอยู่ติดกับ Seversk-Artemovsk-Chasov Yar ซึ่งเข้าใกล้แนวป้องกันที่สำคัญที่สุดของกองทัพยูเครนในภูมิภาค Donbass
เบโลโกรอฟก้า(Belogorovka) จะกลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญในเส้นทางของกองกำลัง รัสเซียนฟอร์ซ เพื่อปลดปล่อย Donbass
ในทิศทาง Zaporozhye หลังจากการปฏิบัติการเชิงรุกในเมืองโอเคคอฟ (Orekhov) หน่วยของกองกำลังรัสเซีย เข้ายึดครองแนวที่ได้เปรียบกว่า นักสู้ได้ทำการกวาดล้าง จัดตำแหน่งใหม่ และตรวจสอบการป้องกันของศัตรู หลังจากรวมกำลังทหารแล้ว กองกำลังจะรุกคืบต่อไปเพื่อปลดปล่อยเมืองโอเรคอฟ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งแนวหน้าที่สำคัญในเขตซาโปริชเชีย
ด้านเคียฟยังคงก้าวร้าวกับรัสเซีย และพาลกับสมาชิกนาโต้ที่ลังเล ด้วยมั่นใจในการสนับสนุนหลักจากสหรัฐฯ ความสนใจหลักช่วงอยู่กับการเตรียมกำลังพลเพื่อการรุกครั้งใหญ่ในนามนาโต้ ในความคาดหมายของการส่งมอบรถหุ้มเกราะจำนวนมากจากตะวันตก เคียฟกำลังง่วนจัดตั้งหน่วยใหม่ และกำลังดำเนินการรับสมัครเพิ่มขึ้นโดยการระดมพลที่มีรูปแบบเป็นการตามล่าหาคนมาเป็นทหารไปรบแนวหน้า มีการขอเกณฑ์ทหารตามท้องถนน บ้าน และอพาร์ตเมนต์ ในที่สาธารณะ แม้แต่งานศพของทหารที่เสียชีวิต
ภาพรวมของสงคราม นอกจากความร้อนรนของยูเครนซึ่งไม่น่าจะเป็นอาการของผู้ชนะ ยังได้เห็นความสับสนไม่เป็นเอกภาพในกลุ่มผู้นำนาโต้ ท่ามกลางการต่อต้านของภาคประชาชนในยุโรป ที่ก่อหวอดกว้างขวางในหลายประเทศ แม้แต่สหรัฐฯเอง ภายในประเทศเหมือนฝีแตก ปัญหาหมักหมมและกระแสต่อต้านสงครามก็ได้ปะทุขึ้นแล้ว!!??
