ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ยุโรปพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ใน”วิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน เขาเสริมว่าทวีปนี้ต้องเลือกว่าต้องการเป็นอิสระหรือขึ้นอยู่กับสหรัฐฯ หรือจีนโดยสิ้นเชิง
ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ El Pais ของสเปน ผู้นำฝรั่งเศสตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบเศรษฐกิจของยุโรปกำลัง”ได้รับผลกระทบอย่างมากจากผลที่ตามมาจากสงครามครั้งนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม”
ในแง่ของเศรษฐกิจ โลกถูกกำหนดโดย”ขั้วอำนาจ”ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่วนยุโรปยังไม่ตัดสินใจว่าต้องการ”เป็นข้าราชบริพารของหนึ่งในสอง”หรือเดินตามเส้นทางแห่งเสรีภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มาครง พูดว่า.
ในขณะที่ยุโรปยังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างสมบูรณ์ คำตอบคือ”ยุโรปที่มีอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการทหาร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือยุโรปที่มีอำนาจอย่างแท้จริง”ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเน้นย้ำ
มาครงเชื่อว่าวิกฤตที่ยุโรปกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ยังขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าทวีปนี้ยังไม่ได้”แยกแยะ”ช่วงเวลาหลังสิ้นสุดสงครามเย็นอย่างสมบูรณ์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า อียูเร่งขยายอย่างรวดเร็วไปทางตะวันออกด้วยความเชื่อว่า”ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว”เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าว ตอนนี้ อียูมีกลุ่มประเทศ 2 กลุ่มที่มีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่ม เขากล่าว พร้อมเสริมว่ายุโรปตะวันออกแสวงหาเอกราชของชาติภายในอียูมากขึ้น และ”เราต้องรู้จักฟังพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม วิกฤติการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศประชาธิปไตยตะวันตกทั้งหมดด้วย ซึ่งกำลัง”ประสบกับความเหนื่อยล้า ตัวระบบทุนนิยมโลกเองกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องจากไม่ได้ช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นจากความยากจนอีกต่อไป แต่มีแต่ทำให้”ความไม่เท่าเทียมกันพุ่งสูงขึ้น”ทำให้เกิด”วิกฤตมโนธรรมสำหรับประชาธิปไตย”เขากล่าวเสริม
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสสนับสนุนการสร้างชุมชนการเมืองในยุโรปที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะแบ่งปันค่านิยมประชาธิปไตยและร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านพลังงาน การขนส่ง และความมั่นคง มาครงยังยืนกรานว่ายุโรปควรพึ่งพานาโต้ให้น้อยลง และติดตาม”เอกราชทางยุทธศาสตร์”จากกลุ่มทหารที่นำโดยสหรัฐฯ
