กระทรวงการต่างประเทศของจีนประณามสหรัฐฯ สำหรับปฏิบัติการทางทหารในซีเรียเป็นเวลาหลายปี โดยมองว่าประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะ ‘หายนะด้านมนุษยธรรม’จากการกระทำของสหรัฐและบริวาร และเรียกร้องให้สหรัฐชี้แจงตลอดจนหยุดการกระทำดังกล่าวซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง
สำนักข่าวซานา (SANA) เปิดเผยหลายครั้งที่ปธน.อัลบาร์ อัสซาด ผู้นำซีเรียเปิดโปงสหรัฐฯว่า ขโมยน้ำมันของประเทศอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่องนับทศวรรษ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากภาคน้ำมันและก๊าซในประเทศมีมูลค่า ๑๐๗,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณกว่า ๓ ล้านล้านบาท นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติในปี ๒๕๕๔ และเรียกร้องให้สหรัฐจ่ายชดเชย เรื่องนี้เมกาทำมึน ซ้ำยังบอกว่าเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้ก่อการร้ายยึดไป แต่เอาเข้ากระเป๋าตัวเองไม้ส่งคืนให้รัฐบาลเจ้าของประเทศภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของฝ่ายอิรัก
วันที่ ๒๐ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวซินหัวและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า จีนจี้รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงต่อชาวโลกเรื่องปล้นทรัพยากรน้ำมันของซีเรีย หลังจากซีเรียแฉ พบรถถังกว่าครึ่งร้อยลักลอบขนน้ำมันดิบในซีเรียไปให้ฐานทัพมะกันในอิรัก
การขนน้ำมันอย่างโจ๋งครึ่มของสหรัฐฯ ถูกเปิดโปงโดยสำนักข่าวซานาของรัฐบาลซีเรียเมื่อวันที่ ๑๔ ม.ค. ที่ผ่านมาว่า มีขบวนรถถังจำนวน๕๓ คัน ขนน้ำมัน ซึ่งขโมยจากซีเรีย ออกเดินทางจากจังหวัด อัลฮะซะกะห์ ไปยังฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ ให้การหนุนหลังได้เข้าร่วมปฏิบัติการ นอกจากนั้น รถบรรทุกอีก ๖๐ คันยังลักลอบขนน้ำมันและข้าวสาลีเข้าไปในอิรักเมื่อต้นเดือน
สื่อมวลชนยิงคำถาม หวัง เหวินปิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันอังคารที่ ๑๗ ม.ค.ที่ผ่านมา
หวังตอบในทันทีว่า “สหรัฐฯ ต้องตอบคำถามเรื่องที่ขโมยน้ำมันกับชาวซีเรียและประชาคมโลก” ‘เรารู้สึกทึ่งกับความโจ่งแจ้งและความร้ายกาจของการปล้นซีเรียของสหรัฐฯ’ กลุ่มโจรดังกล่าวกำลังซ้ำเติมและฉวยโอกาสจากวิกฤตพลังงานโลก
เขาวิพากษ์ว่า “เราตกตะลึงกับการปล้นสะดมซีเรียอย่างโจ่งแจ้งและชั่วร้ายของสหรัฐฯ …การโจรกรรมเช่นนี้ทำให้วิกฤตการณ์ด้านพลังงานและภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมในซีเรียเลวร้ายย่ำแย่ไปอีก”
หวังหยิบยกข้อมูลของรัฐบาลซีเรีย ที่ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๕ กองกำลังสหรัฐฯ ซึ่งเข้ายึดครองดินแดนในซีเรียได้ลักลอบขนน้ำมันออกไปถึงกว่าร้อยละ ๘๐ ของที่ซีเรียผลิตได้ในแต่ละวัน
สหรัฐฯถูกโฆษกจีนผู้นี้สับเละว่า มีความละโมบในการลักขโมยทรัพยากรในซีเรีย ที่น่าตกตะลึงพอ ๆ กับความเอื้ออารี ในการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านการทหารจำนวนหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้ ไม่ว่าสหรัฐฯจะเป็นผู้ให้ หรือผู้รับ ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ชาติอื่นเกิดความวุ่นวายและหายนะ สหรัฐฯ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพื่อความเป็นจ้าวโลก และทั้งหมดนี้ก็คือผลของ “ระเบียบโลกซึ่งอยู่บนพื้นฐานของกติกาของสหรัฐเท่านั้น” และสหรัฐฯนำมาพร่ำพูดกับนานาประเทศวาเป็นหนทางที่ชอบธรรมและถูกต้่องนั่นเอง
หวังย้ำว่า “เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ ชี้แจงอย่างเต็มที่ต่อชาวซีเรียและประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับการขโมยน้ำมัน และหยุดเหยียบย่ำหลักนิติธรรมระหว่างประเทศและละเมิดกฎระหว่างประเทศ”
ปัจจุบันซีเรียบอบช้ำจากสงครามกลางเมือง ทหารสหรัฐฯ ถูกส่งมาซีเรียครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๗ สมัยของประธานาธิบดี บารัก โอบามา ในลักษณะของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ก่อนจะส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีต่อมา โดยฝังตัวกับนักรบชาวเคิร์ด ซึ่งยึดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำมัน ถึงแม้สหรัฐฯอ้างว่า เพื่อช่วยปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ซึ่งรุกรานดินแดนอิรักและซีเรียในขณะนั้น แต่สหรัฐฯ ก็เข้าสอดแทรกสงครามกลางเมืองในซีเรีย โดยส่งอาวุธนับไม่ถ้วนให้ฝ่ายกบฏ ที่หวังโค่นล้มรัฐบาลในกรุงดามัสกัส
มาถึงรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ลดระดับปฏิบัติการ โดยบอกอย่างเปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะคงทหารบางส่วนไว้ในซีเรีย “เพื่อน้ำมัน” รัฐบาลทรัมป์ยังให้การอนุมัติข้อตกลงระหว่างบริษัทพลังงานเมกากับกองกำลังชาวเคิร์ด ในการพัฒนาและส่งออกน้ำมันดิบ แม้ข้อตกลงฉบับนี้ถูกพับไปในรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แต่รัฐบาลซีเรียก็ยังคงยืนยันว่า สหรัฐฯปล้นชิงทรัพยากรของซีเรีย และการคงทหารสหรัฐฯ ราว ๙๐๐ นายไว้ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดดียร์เอสซอร์, แรกกา และฮาซาคาห์ (Deir Ez-Zor, Raqqa and Hasakah) ของซีเรียทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังประชาธิปไตยชาวเคิร์ด (SDF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตามช่องทีวีอัล-มายาดีน (Al Mayadeen) ของเลบานอน เปิดเผยว่า กลุ่มพันธมิตรตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ช่วยเหลือรัฐบาลปกครองตนเองของชาวเคิร์ดในการตั้งค่าการผลิตที่บ่อน้ำมันของซีเรีย เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจโดยขายน้ำมัน แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรง เป็นบุคคลหรือองค์กร หรือรัฐบาลสหรัฐ
ในขณะเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน กระบวนการสันติภาพอัสตานาซีเรีย ได้ริเริ่มขึ้นโดยรัสเซีย ตุรกี และอิหร่านเป็นแกนนำ ล่าสุดปธน.รัสเซียและอิหร่านกำลังพบกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งในซีเรีย ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะทำสำเร็จได้หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ปธน.ปูตินได้ขอให้ตุรกีถอนทหารและหยุดปฏิบัติการโจมตีผู้ก่อการร้ายที่ชายแดนซีเรีย และปธน.แอร์โดอันแห่งตุรกีก็ยินยอม