ข่าวดีของปธน.ปูติน มาติดๆกันแบบรัวๆ ส่งสัญญาณพ่ายแพ้ของเคียฟ-นาโต้อย่างไม่อาจบิดเบือนได้อีกต่อไป ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นักรบของหน่วยทหารพิเศษเชเชนบุกเข้ายึดฐานที่มีป้อมปราการของกองกำลังติดอาวุธยูเครนใกล้กับเมืองมารียินกา(Maryinka) และจับทหารยูเครนได้จำนวนมาก ผู้นำชาวเชเชน รามซาน คาดีรอฟ (Ramsan Kadyrov) กล่าวในช่องเทเลแกรมของเขาว่า “นักรบของกองทหารเฉพาะกิจ นามเซเวอร์-อัคมัต(Sever-Akhmat) ซึ่งตั้งชื่อตามวีรบุรุษแห่งรัสเซีย อัคมัต-คาดชี คาดิรอฟ(Akhmad-Khadzhi Kadyrov) ได้บุกเข้ายึดฐานที่มั่นซึ่งรวมถึงป้อมปราการ บุคลากรส่วนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามถูกสังหาร ทหารยูเครนจำนวนมากถูกจับ”
ป้อมปราการของยูเครนถูกตั้งขึ้นในตำแหน่งที่ได้เปรียบและรวมถึงแนวร่องลึกและตำแหน่งการยิงป้องกัน เขากล่าวเสริมว่า “การยึดฐานที่มีป้อมปราการนี้เป็นผลสำเร็จที่ยอดเยี่ยมจากนักสู้ของเรา ตำแหน่งที่มีป้อมปราการนี้มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และการยึดได้ก็ประสบความสำเร็จอย่างจริงจังในแนวหน้าของเมืองมาริยินกา“
แดนิส ปูชิลิน รักษาการผู้บริหารโดเนตสค์ ก็ได้ไลฟ์สดยืนยันว่าเมืองมาริยินกา ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์แล้ว และจะทำให้ชานเมืองบางแห่งของโดเนตสค์ เช่นเมืองอเล็กซานดรอฟก้า, เขตเปตรอฟสกี้ และ เตคสติลชิค(Alexandrovka, Petrovsky District และ Tekstilshchik) อยู่นอกเขตโจมตีของปืนใหญ่ยูเครนได้
ในขณะเดียวกันรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียบินไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาการทหารที่กำลังสู้รบอยู่ในแนวหน้าของยูเครน ขณะที่ประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ก็เดินทางไปโปแลนด์พบกับผบ.สูงสุดของยูเครนประเมินสถานการณ์ก่อนประชุมกับพวกพิจารณาแผนศึกต่อไป
วันที่ ๑๘ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงณ ศูนย์บัญชาการสู้รบของกลุ่มทหารวอสต็อก ทางตะวันออกของรัสเซีย ในสถานที่ที่ไม่มีการระบุ เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมเยือนแนวหน้า ได้รับฟังการบรรยายสรุปของพวกผู้บัญชาการทหารเกี่ยวกับสถานการณ์การทหารในภาคสนามในปัจจุบัน และการปฏิบัติการของหน่วยทหารรัสเซียหน่วยต่างๆ
ทางกระทรวงยังเผยแพร่วิดีโอภาพ ชอยกูประชุมกับพวกผู้บังคับบัญชาทหาร ซึ่งรวมถึงการประชุมผ่านวิดีโอลิงก์กับ พล.อ.วาเลรี เกราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารของรัสเซีย ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการการปฏิบัติการพิเศษทั้งหมดของมอสโกว์ในยูเครน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ชอยกูก็เดินทางไปยังพื้นที่ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ๒ ครั้ง รวมถึงการตรวจเยี่ยมกำลังพลในแนวหน้าด้วยตัวเอง
อีกด้านในสนามรบ มีรายงานว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครนออกจากดินแดนของยูเครนที่จุดสูงสุดของการต่อสู้ใน Donbass เดินทางไปยังโปแลนด์อย่างเร่งด่วน พบกับนายพลอเมริกัน มาร์ค มิลลีย์ หัวหน้าคณะเสนาธิการร่วม (OKNSh)
มาร์ค มิลลีย์ประธานเสนาธิการร่วมเปิดหน้าเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับคู่หูชาวยูเครนนายพล วาเลอร์รี่ ซาลุชนี (Valerii Zaluzhnyi) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครนเป็นเวลาสองสามชั่วโมง หลังจากนั่งรถจากฐานทัพในโปแลนด์ไปยังสถานที่ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อ ข่าวนี้เพนตากอนยืนยัน
ซาลุชนีเขียนในช่องเทเลแกรมของเขาว่าเขามาถึงดินแดนโปแลนด์แล้วซึ่งเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันเป็นการส่วนตัวเป็นครั้งแรกและขอบคุณนายพล มิลลีย์สำหรับความช่วยเหลือของสหรัฐฯและพูดถึงความต้องการของกองกำลังติดอาวุธยูเครน ชัดแบบนี้เมกายังลังเลชนรัสเซียแบบปะทะอย่างเปิดเผย
การประชุมครั้งต่อไปในรูปแบบแรมสเตน (Rammstein) จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๐ มกราคม การประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ฐานทัพทหารในเยอรมนี โดยมี ลอยด์ ออสติน(Lloyd Austin) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เป็นประธานอีกครั้ง เรื่องยูเครนโดยเฉพาะที่ฐานทัพแรมสเตน ยูเครนต้องการได้รับการอนุมัติจาก NATO สำหรับการจัดหายานเกราะ รวมถึงรถถังเยอรมัน ลีโอพาร์ด๒ (Leopard 2) ของฝรั่งเศส เลเคลิก(Leclerc) และของอังกฤษ ชาเลนเจอร์ ๒(Challenger 2)
เป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพยูเครน ถูกเรียกไปต่างประเทศเพื่อพบกับประธานร่วมของฝ่ายตะวันตกในศึกยูเครน เหตุผลก็ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองทัพยูเครนที่แนวหน้า กำลังแพ้กองทัพรัสเซียเป็นโดมิโน นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทางการสหรัฐฯ ที่จะต้องประเมินจากข้อเท็จจริงที่ว่าสถานการณ์นี้กำลังถูกพูดถึงโดยบุคคลที่พวกเขามอบหมายโดยตรงให้ต่อสู้ “จนชาวยูเครนคนสุดท้าย” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเพนตากอน ในการทำความเข้าใจว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดซาลุชนีประเมินสถานการณ์อย่างไร และสถานการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างมากหรือไม่ หากสหรัฐและนาโต้มีการตัดสินใจในการประชุมแรมสเตน (Ramstein) เพื่อจัดหารถถังของ NATO ไปยังยูเครนว่าคุ้มหรือไม่ว่างั้นเถอะ
ปรากฏการณ์ระอุเดือดเหล่านี้คือสัญญาณเปิดเผย ของปฐมบทแห่งสงครามโลกIII ที่ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ จับตาสมรภูมิใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ญี่ปุ่นเปิดหน้าชนจีนอย่างแข็งกร้าว พร้อมเป็นตัวแทนผลประโยชน์สหรัฐและนาโต้ในย่านนี้อย่างเอาการเอางาน จุดวาบไฟอันตรายในคาบสมุทรเกาหลีและไต้หวันจึงคุกรุ่นไม่น้อยกว่าในตะวันออกกลาง ท่ามกลางเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก!!