สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สำหรับไทยน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่วิตกตามมาก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ขณะนี้ยังมีเคอร์ฟิวและมาตรการที่แข้มงวด ประชาชนยังไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ โดยเฉพาะบางอาชีพบางจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ
วันนี้(17เม.ย.63) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีโควิด-19 กับเรื่องเศรษฐกิจไว้อย่างน่าพิจารณา ว่า…สุขภาพต้องควบคู่เศรษฐกิจ เราได้รับข่าวดีคือ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28 ราย ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน อีกไม่นานเราจะได้เห็นตัวเลขตัวเดียวในเร็วๆนี้แน่นอน
เมื่อถึงตอนนี้ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลตระหนักนั่นคือ เรายอมรับว่าสุขภาพต้องนำเสรีภาพ แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า สุขภาพกับเศรษฐกิจต้องไปควบคู่กัน สลับกันนำเป็นระยะ แต่ต้องไม่ทิ้งห่างกันเกิน ไหนๆรัฐบาลได้กระจายอำนาจ ให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการภายในของตนเอง และเพื่อให้แนวคิดสุขภาพต้องควบคู่เศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเป็นผู้คุมภาพรวมของประเทศ แต่ควรผ่อนคลายภายในจังหวัดที่ผลตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 14 วัน (เนื่องจากระยะฟักตัวโควิด-19คือ 2-14 วัน)
โดยรัฐบาลเป็นผู้วางกฏเกณฑ์กว้างๆไว้ เพื่อให้แต่ละจังหวัดที่พร้อมขับเคลื่อนได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอจังหวัดอื่น โดยมีมาตรการดังนี้ 1.ทุกจังหวัดยังมีมาตรการล็อคดาวน์คนเข้าออกอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม 2.จังหวัดที่ตรวจไม่พบผู้ติดโควิด-19 เชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 14 วัน และมีศักยภาพดูแลให้ผ่อนปรนโดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในจังหวัดตนเอง
3.กำหนดประเภทธุรกิจที่จะผ่อนปรน และให้เวลาลงทะเบียน ทำความเข้าใจ 1 สัปดาห์ (ถึงวันเปิดจะไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์) 4.การผ่อนปรนที่เกิดขึ้น ต้องเข้มงวดเรื่อง social distancing ใส่หน้ากากอนามัย มีเจลหรือสบู่ล้างมือ 5.เชิญอสม.หรือผู้สนใจ มาเป็น health ambassador(ทูตสุขภาพ) เพื่อไปเยี่ยม ให้คำแนะนำsocial distancing ตามร้านต่างๆที่เปิด
6.ต้องไม่ให้มีการรวมกลุ่มคน ดังนั้นต้องกำหนดจำนวนประชาชนที่เข้าร้านค้า การนั่งรอต้องจำกัดและมีsocial distancing ส่วนที่เหลืออาจให้นัดเวลา 7.ร้านอาหารจานเดียว ก๊วยเตี๋ยวควรเปิดให้ทานที่ร้านได้ แต่จัดโต๊ะแบบsocial distancing ที่เหลือให้รอคิว 8.ร้านอาหารที่นั่งรวมกลุ่ม ผับ บาร์ ไม่ควรให้เปิด เพราะมีความเสี่ยงสูง(โควิด-19)
9.การค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ยังเหมือนเดิม แต่ให้เฝ้าระวัง ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัวแทน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง 10.ถ้าในจังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ กระทรวงศึกษาควรโอนอำนาจตัดสินใจ เปิดภาคเรียนให้แก่ทางจังหวัด ไม่จำเป็นต้องรอนานถึง 1 กรกฎาคม เพราะนานเกินความจำเป็น
แนวทางดังกล่าวเป็นการปูพื้นฐานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องกระจายอำนาจ และระเบียบวินัยของประชาชนไปสู่ new normal ของประเทศ เปิดช่องให้เศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อน ในจังหวัดที่พร้อม ให้สอดคล้องกับหลักความจริงคือสุขภาพต้องควบคู่เศรฐกิจ บนพื้นฐานระเบียบวินัย แล้วเสรีภาพที่ดีจะตามมา(โควิด-19)
