ขจัดเสี้ยนหนาม!! ศาลฎีกาอิหร่านดุสั่งประหารหนอนบ่อนไส้ อดีตรมช.กลาโหม จับได้เป็นสปายให้อังกฤษ

0

จุดวาบไฟสำคัญที่เมกาและอิสราเอลจับจ้องทำลายล้างในฝั่งตะวันออกกลางคืออิหร่าน ซึ่งวันนี้รัฐบาลเนทันยาฮูได้ประกาศชัดว่า ถือเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง และได้รับการตอบรับหนุนช่วยจากสหรัฐและพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษอย่างเอาการเอางาน

ล่าสุดอิหร่านใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการบุคคลที่พบว่าร่วมมือกับต่างชาติทำลายประเทศ จับได้ทั้งอดีตวีไอพีและสายลับมอสสาดของอิสราเอล ทำให้ตะวันตกโวยวายอย่างมาก อดีตรัฐมนตรีช่วยกลาโหมเตหะราน ถูกตัดสินประหารชีวิตฐานสอดแนมให้หน่วยเอ็มไอ๖ (MI6) ของอังกฤษ ลงโทษสปายถึง ๖ ก๊วนในช่วงเวลาไม่ถึง ๖ เดือน 

วันที่ ๑๒ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาสนิมและมีซาน รายงานว่า ตุลาการของอิหร่านได้ตัดสินประหารชีวิต อาลีรีซา อัคบารี  (Alireza Akbari) อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐในข้อหาสอดแนมให้กับหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ

การพิจารณาคดีของอัคบารีซึ่งถูกจับกุมโดยหน่วยข่าวกรองของประเทศในข้อหาสอดแนมให้กับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ ถูกควบคุมตัวโดยมีทนายความของเขาอยู่ด้วย และคำพิพากษาประหารชีวิตออกตาม “หลักฐานที่พิสูจน์ได้”

ศาลฎีกาของอิหร่านยืนยันในคำพิพากษาหลังจากที่เขาร้องขอการอุทธรณ์

ในแถลงการณ์ของกระทรวงข่าวกรองเมื่อบ่ายวันพุธที่ผ่านมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัคบารีและการจับกุมของเขาว่า “อาลีริซา อัคบารี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหนึ่งในสายลับที่แทรกซึมอยู่ในศูนย์กลางยุทธศาสตร์มที่อ่อนไหวมากที่สุดในประเทศ ซึ่งทำงานให้หน่วยสืบราชการลับของสหราชอาณาจักรที่ชั่วร้าย(Mi6) เขาถูกระบุตัวและถูกจับกุมหลังจาก ใช้เวลานานและวางแผนหลายชั้นใน กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านข่าวกรองและปฏิบัติการหลอกลวง”

ตามรายงานของกระทรวงข่าวกรอง สายลับคนสำคัญได้ส่งข้อมูลที่ได้มาจากศูนย์ที่ละเอียดอ่อนไปยังหน่วยสืบราชการลับของศัตรูหลายต่อหลายครั้ง

ในแถลงการณ์ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่อิหร่านพบว่านาย อัคบารี ระหว่างที่เขาเข้าพบกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษจำนวนหนึ่งในสถานทูตสหราชอาณาจักร ณ กรุงเตหะราน ขณะที่เขาเดินทางเพื่อไปรับวีซ่า พร้อมเสริมว่านาย อัคบารี ได้กลายเป็นพนักงานเต็มตัวของ MI6 ระหว่างการเดินทางไปยุโรปเป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ที่จับได้ชัดเพราะหน่วยต่อต้านข่าวกรองของอิหร่านเข้าแทรกแซงการสื่อสารระหว่างเขากับ MI6 โดยใส่ข้อมูลชี้นำเข้าไปในนั้น

กระทรวงข่าวกรองกล่าวเสริม“แม้ว่าศัตรูอังกฤษสามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของบุคคลผู้นี้และชักชวนเขาให้เข้ามาเป็นพวกได้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าส่วนใดของข้อมูลที่ได้รับนั้นถูกชี้นำและ ส่วนใดเป็นข่าวหลอกลวง” 

สื่อเทเลกราฟของอังกฤษ(The Telegraph) ได้รายงานคำพูดของโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหราชอาณาจักรที่แสดงท่าทีต่อต้านคำพิพากษาดังกล่าว พวกเขาได้หยิบยกเรื่องนี้กับทางการอิหร่านแล้ว โดยขอให้ปล่อยตัว อาลีริซา อัคบารี ในทันที และเราได้ย้ำคำตัดสินของเราสำหรับการเข้าถึงสถานกงสุลอย่างเร่งด่วนที่สุด”

ทั้งนี้สหราชอาณาจักรมีประวัติอันยาวนานในการสอดแนมกิจกรรมภายในอิหร่าน ซึ่งสามารถสืบย้อนไปถึงการรัฐประหารในปี ๑๙๕๓ ต่อรัฐบาลโมฮัมหมัด โมซาดเดค ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของอิหร่านได้จับกุมสายลับที่เชื่อมโยงกับต่างชาติจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนร่วมในการก่อวินาศกรรมต่อชาวอิหร่านและโครงสร้างขั้นพื้นฐานต่างๆ ในช่วงหลายทศวรรษ การจับกุมครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อวันอังคารที่ ๑๐ ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อสมาชิกของทีมสอดแนมที่เชื่อมโยงกับมอสสาด ๒ ทีมถูกควบคุมตัว หลังแผนการลอบสังหารนายทหารระดับสูงล้มเหลว

กระทรวงข่าวกรองอิหร่านแถลงว่า ได้จับกุมสมาชิกหน่วยจารกรรมและผู้ก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับหน่วยสืบราชการลับของระบอบไซออนิสต์หรือมอสสาดได้อย่างน้อย ๖ ทีมในประเทศ

กระทรวงยังกล่าวว่า มีการระบุการเตรียมการปฏิบัติการของทีมก่อการร้ายเหล่านั้น ๒๓ จุดทั่วประเทศ เช่นในจังหวัดเตหะราน อิสฟาฮาน ยาซด์ อาซาร์ไบจานตะวันตก และโกเลสตาน พร้อมเสริมว่าจนถึงขณะนี้มีผู้ถูกจับกุม ๑๓ คน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับการปฏิบัติการถูกยึดทั้งหมด

ทั้งนี้ หัวโจกของเครือข่ายซึ่งดำเนินการภายใต้นามแฝงว่าซีเรียส (Sirous) อาศัยอยู่ในประเทศแถบยุโรปและได้ทำการติดต่อกับตัวแทนปฏิบัติการในอิหร่านผ่านทางเครือข่ายโซเชียล Instagram และ WhatsApp

กระทรวงข่าวกรองยังตั้งข้อสังเกตว่า องค์กรก่อการร้าย Mossad มีแผนที่จะใช้ประโยชน์จากการจลาจลล่าสุดในอิหร่านเพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร,ก่อวินาศกรรมในเมืองใหญ่และการขนวัตถุระเบิดจำนวนมหาศาลจากพรมแดนที่ติดกับทะลทางตอนใต้ไปยังแผ่นดินอิหร่าน  แต่องค์ประกอบทั้งหมดถูกระบุว่าถูกยึดหมดแล้ว

ปฏิบัติการตอบโต้การจารกรรมและการจับกุมผู้ก่อการร้ายที่ประสบความสำเร็จนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ครั้งที่สองที่ระบอบไซออนิสต์ต้องเผชิญกับการตอบโต้และได้รับความเดือดร้อนด้านข่าวกรองและปฏิบัติการลงโทษจากอิหร่านในเวลาไม่ช่วงเวลาไม่ถึงหกเดือน!!