จากที่ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้วที่การสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซียยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูเครน ที่ต้องเกณฑ์ชายในประเทศเข้าร่วมกองทัพอีกหลายหมื่นคน
ต่อมา Blockdit World Update ได้โพสต์รายงานถึงสถานการณ์ของกองกำลังยูเครน และการตอบโต้ที่รุนแรงของฝ่ายรัสเซียที่เพิ่มความถี่มากขึ้นว่า
“ในปี 2022 ที่ผ่านมามี 3 ปัจจัยหลักที่รัสเซีย จะโจมตีขีปนาวุธขนานใหญ่ตอบโต้ใส่ยูเครน ปัจจัยแรก คือ ฝ่ายยูเครนไปแหย่ ก่อการร้ายสถานที่หวงห้ามในเขตรัสเซีย เช่น สะพาน สนามบินทหาร ท่าเรือไครเมีย หรือสถานที่สำคัญทางความมั่นคง
ปัจจัยที่สอง ยูเครน ยิงจรวดไปยังที่อยู่อาศัยพลเรือนในแคว้นเบลโกรอด หรือ 4 ดินแดนผนวกใหม่ ตามกฎหมายรัสเซีย จะจัดพฤติกรรมลักษณะนี้ว่า ก่อการร้าย
อนุญาตให้รัฐ เอาคืนโจมตีอาวุธหนักกลับให้รุนแรงและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า และทำลายล้างผลาญชีวิตองค์กรผู้กระทำให้สูญเสียมากที่สุด
ปัจจัยที่สาม ชาติตะวันตกขายส่งอาวุธมหาเทพตัวใหม่มาให้ยูเครนกู้ รัสเซียจะมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อตน จึงจะโจมตีไปยังบริเวณเมืองและพิกัดที่ตั้งอาวุธนั้นมากเป็นพิเศษ เพื่อลองของและทำลายทิ้ง
วันที่ 29 ก.ย.2022 ที่ผ่านมา กองทัพยูเครน แหย่รัสเซีย ส่งอากาศยานโดรนติดอาวุธไปโจมตีสนามบินทหาร Engels ในภูมิภาค Saratov ห่างจากยูเครนกว่า 200 กม. กองทัพรัสเซียใช้ระบบป้องกันทางอากาศยิงสกัดเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า
อาวุธยูเครนตกพื้นที่เกษตรกรรมใกล้กับหมู่บ้าน Gorbakha ในภูมิภาคเบรสต์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบลารุส ส่งผลให้กองทัพรัสเซียเอาคืน สั่งโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่มากด้วยขีปนาวุธหลอกล่วงหน้า และขีปนาวุธจริงชนิดร่อนทั้งจากเครื่องบินทิ้งระเบิด และเรือในทะเลดำ , โดรนพลีชีพ Geran-2 จากหลากหลายทิศทาง หลายระลอกรวมกว่า 100 ชุด
ใส่เป้าหมายโครงสร้างทางพลังงาน คมนาคม ทุกภาค 10 แคว้นในยูเครน ที่ถือว่าเป็นการก่อการร้าย เช่น เมืองหลวงกรุงเคียฟ , โอเดสซา , นิโคลาเยฟ , ดนีโปเปตรอฟ , คาร์คิฟ , ลวิฟ , ซิโตมีร์ ฯลฯ เกิดการระเบิดดังสนั่นขนาดใหญ่ อาคารถล่ม ไฟไหม้ เสียงไซเรนดัง รถดับเพลิงวิ่งวุ่นไปทั่วประเทศ
ระบบป้องกันภัยทางอากาศเทพตะวันตกทั้งหลาย และระบบ S-300 ยูเครน ที่กู้มาใหม่ ยังทำงานคงเส้นคงวาเหมือนเดิม คือ ไม่สนใจใยดีสกัดอาวุธรัสเซีย แต่มุ่งโจมตี ตกทำลายใส่รถยนต์ และบ้าน อาคารพักอาศัยชาวยูเครน จนบาดเจ็บและเสียหาย ย่อยยับยังไม่มีระบบอาวุธเทพใดสกัดขีปนาวุธจริงรัสเซียได้
การถล่มขนส่งรถไฟอาวุธจาก NATO ถูกบล็อคอยู่แนวหลัง ไม่สามารถขนไปยังแนวหน้าได้ โดรนพลีชีพ Geran-2 ถึงแม้จะถูกปืนกลทหารยูเครนยิงใส่ระยะใกล้ช่วงพุ่งปักหัวลงมาจากท้องฟ้า จนปีกทะลุเป็นรูโหว่ แต่มันก็ไม่สนใจยังคงบินต่อไปหน้าตาเฉยนำหัวระเบิดหนัก 50 กิโลกรัมถล่มอาคารเป้าหมายพังยับ
นอกจากนี้กองทัพรัสเซีย ยังรุมยิงปืนใหญ่ปูพรมใส่แคว้นคาร์คิฟอย่างรุนแรงตอบโต้ที่ปล่อยโดรนไปโจมตีสนามบินทหาร Engels
กลาโหมยูเครน หมดสต็อคทหารหลายแสนคน จึงออกหมายเรียกด่วน เกณฑ์ทหารกองหนุนเพิ่มอีกหลายแสนคนส่งไปเข้าเครื่องบดเนื้อ ส่งผลให้ชายชาวยูเครน จำนวนมากกำลังพยายามแห่เผ่นหนีการระดมพลเกณฑ์ทหาร ออกจากดินแดนยูเครน ข้ามไปยังโปแลนด์ หนีข้ามเขาไปยังโรมาเนีย กระจายต่อไปยังยุโรป”
