พูดไม่ทันขาดคำเรื่องแบน3สารพิษ นอกจากไม่จบ!!! ลุกลามกลายไปเป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล 4 คนจาก 3พรรค ซึ่งงานนี้มีเดิมพันแต่เป็นใครที่ต้องจ่าย??? นั่นคงต้องรอดูกันก่อน กระนั้นที่รู้แล้วก็คือ อนุทินเคยลั่นวาจาไว้ถึง2ครั้ง2คราว่าจะไม่อยู่?!?ทั้งเรื่องน้องชายเนวิน กระทั่งมาเรื่องแบนสารพิษ ซึ่งที่ทุกคนอยากจะถามไปให้ดังถึงบุรีรัมย์ก็คือ ภูมิใจไทยพร้อมจะถอนสมอจากเรือลุงตู่แล้วหรือยัง???
ทบทวนเรื่องกันสักนิดเอาแค่เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2562 ที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พูดถึงกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและหาสารทดแทน 3 สารเคมีกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน
“ตนยังไม่ทราบและไม่รู้เรื่องนี้ เพราะยังไม่เห็นหนังสือการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาฯ รวมทั้งไม่ได้รับเชิญให้เป็นคณะทำงานทั้งที่ตนดูแลกรมวิชาการเกษตร อีกทั้งไม่ทราบว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบน 3 สารหรือไม่ และคณะทำงานชุดนี้จะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไร เพราะในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ตนดูแลได้เตรียมมาตรการไว้ครบหมดแล้ว
อย่ามาบีบบังคับรัฐมนตรี ใครๆก็มาบีบดิฉันไม่ได้ ที่ผ่านมาโดนถล่มทุกวันให้เอาตัวนั้นตัวนี้มาแทน 3 ตัวนี้ พอพูดชี้แจงไปก็จะพูดไปอีกทาง เพื่อหาทางหาช่องกันไปเรื่อย ไม่จบ ขอโทษนะคะ ก็ต้องลองกินดูสิคะว่าตัวไหน สารตัวไหนกินแล้วตายก็เอาตัวนั้นไหม” น.ส.มนัญญา กล่าว
ต่อมา 24 พ.ย. 2562 น.ส.มนัญญา เปิดเผยว่าวันที่25พ.ย. จะสั่งให้กรมวิชาการเกษตร ทำหนังสือชี้แจงโดยด่วนถึงข้อเสนอยืดเวลาบังคับใช้ในการจัดเก็บคืนสารเคมีวัตถุอันตราย ออกไปอีก180วัน หรือ 6 เดือนว่าจริงหรือไม่ โดยอ้างว่ามีสตอกเหลือกว่า2.8หมื่นตัน หลังจากที่มีการประกาศแบน3สาร วันที่1ธ.ค.62
25 พ.ย. 2562 น.ส.มนัญญา ยืนยันไม่ว่าวันที่ 27 พ.ย.นี้ คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะประชุมเพื่อรับรองมติ 22 ต.ค. 2562 หรือ จะมีการกลับมติ ก็จะให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าต่อไป เพราะเป็นการช่วยเหลือสมาชิกในการทำการเกษตรและลดการใช้สารเคมีในระยะยาว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่สับสน คือ กรณี นายสุริยะให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะมีการทบทวนมติเช่นกัน ทำนองว่าอาจมีการเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือน
“รมว.อุตสาหกรรม ได้ออกมาสื่อสารอาจจะเลื่อนการแบน ต้องเป็นเรื่องที่ท่านต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ ว่ามีเหตุผลอย่างไร จึงต้องเลื่อนจากครั้งแรกที่มีมติแบน มาประชุมครั้งที่สองมีอะไร ถึงมาเลื่อนด้วยคำพูดตนเอง กระทรวงเกษตรฯได้ทำสิ่งรองรับไว้หมดแล้ว” น.ส.มนัญญา กล่าว
ทั้งนี้เมื่อถามว่าจะหารือกับ นายสุริยะ หรือไม่ ถึงท่าทีที่ได้ส่งสัญญาณจะเลื่อนการแบน น.ส.มนัญญา กล่าวว่าคงไม่ต้องคุยกับนายสุริยะ เพราะงานอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของใคร ก็ต้องให้เกียรติเขาทำงาน ด้วยไม่ชอบก้าวก่ายใคร แต่ทุกคนพยายามเข้ามาก้าวก่ายการทำงานเรา และไม่ชอบให้เข้ามา ซึ่งควรต้องให้สิทธิกันในการทำงานกัน
26 พ.ย. 2562 นายอนุทิน กล่าวถึง 3 สารเคมีทางการเกษตรก็ยังเป็นไปตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา จะต้องหยุดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไปจากนั้นก็มีการเปลี่ยนคณะกรรมการดังกล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน
ส่วนที่จะให้ขยายเวลาจากวันที่ 1 ธ.ค.ออกไปมีการพูดคุยกันหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ เพียงแต่กระทรวงสาธารณต้องมีจุดยืนในมติของสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก
เมื่อถามย้ำว่านายสุริยะ เรียกประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาแบน 3 สารเคมีถ้ามีการเปลี่ยนมติจากเดิมสามารถทำได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศว่าหากคณะกรรมการฯโหวตสวนแนวทางพรรค รัฐมนตรี 7 คนในส่วนของพรรคจะลาออก
ซึ่งนายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ และเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการเมือง ไม่ใช่เรื่องของพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ หรือ พลังประชารัฐ (พปชร.) แต่เป็นเรื่องของสุขภาพของประชาชน ยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง อย่าเอาการเมืองมาแลกกับชีวิตของประชาชนโหดร้ายเกินไป
27 พ.ย. 2562 นายสุริยะ ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตราย 2 ชนิด ได้แก่ พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยกำหนดระยะเวลาบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2563
ส่วนวัตถุอันตรายไกลโฟเซตให้ให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61 ตามที่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำมาตรการรองรับในการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับวัตถุอันตรายพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส
รวมถึงมาตรการในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยให้นำข้อสรุปกลับมาเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาภายในระยะเวลา 4 เดือน
พรรคร่วมรัฐบาลส่อร้าว!ภูมิใจไทยจ่อแถลงจุดยืน หลังโดนเจาะยางพลิกมติแบนสารพิษ!!!!
นั่นคือพาดหัวข่าวของสื่อ เมื่อ 27 พ.ย. 2562 หลังมีมติของกก.วัตถุอันตรายออกมา โดยมีการอ้างถึงรายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า น.ส.มนัญญา ไม่พอใจกรมวิชาการเกษตรแอบทำหนังสือขอขยายระยะเวลา 3 กรณี โดยไม่แจ้งให้ทราบ มาแอบเห็นเอกสารในภายหลังจากที่ส่งเข้าคณะกรรมการวัตถุอันตรายแล้ว
“รองนายกฯอนุทิน และ รมช.มนัญญา มีความไม่พอใจอย่างมากที่กรมวิชาการเกษตร ทั้งที่เป็นหน่วยงานในการดูแลของรมช.เกษตรฯ กลับไม่เสนอเอกสารมาให้ตรวจก่อนที่นำเข้าในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งเอกสารดังกล่าวลงนามโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯและปลัดกระทรวงเกษตรฯนำส่งเข้าที่ประชุมทันที” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า นายอนุทิน ได้เรียกน.ส.มนัญญา ไปที่รัฐสภา เพื่อประชุมพรรคแสดงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย และรอมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย อีกทั้งนายอนุทิน ไม่พอใจอย่างมากและคาดว่าประเด็นนี้จะเป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล และน.ส.มนัญญา เตรียมแถลงข่าว หลังทราบผลมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีนายสุริยะ เป็นประธาน
(https://www.thaipost.net/main/detail/51255)
28 พ.ย. 2562 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าว โดยจั่วหัวไว้ว่า
โศกนาฏกรรมสารพิษ พรรคภูมิใจไทยยังจะอยู่เป็นรัฐบาลต่ออีกหรือ?
ทั้งมีเนื้อหาบางช่วงที่น่าสนใจว่า….อย่างไรก็ตามแม้พรรคภูมิใจไทยจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว แต่มีคำถามว่าท่าทีดังกล่าวเพียงพอกับเดิมพันสุขภาพและชีวิตคนไทยดังที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามรณรงค์มาโดยตลอดหรือไม่? เพราะ“อำนาจต่อรอง” ที่แท้จริงของ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งมีตั้งแต่การก่อตั้งรัฐบาล ก็คือ “อำนาจการร่วมรัฐบาล” หรือไม่?
ดังนั้นหากเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับประชาชนจริง ก็ควรถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ไม่ใช่อ้างว่าเราได้ทำสุดความสามารถแล้ว หรือการอ้างเพียงแค่ว่าจะไม่ขอดูแลกรมวิชาการเกษตรแล้ว มันเพียงพอต่อความคาดหวังของประชาชน หรือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ได้หรือไม่?
แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยลาออกมาด้วยเหตุผลที่ประชาชนสนับสนุนในประเด็นเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็เชื่อได้ว่าประชาชนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าจะสนับสนุนจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย หรือ รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์กันแน่?
(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2704012909658661&id=123613731031938&__tn__=K-R)
28 พ.ย. 2562 นายอนุทิน กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลา แบน 2 สารเคมีออกไป และอนุญาตให้ใช้ไกลโฟเซตว่าให้รอให้นายสุริยะ แถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากการได้รับรายงานจาก 2 คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข คือ เลขาธิการอย. และอธิบดีกรมวิทยาศาสต์การแพทย์
ได้มารายงานให้ตนทราบว่ายังไม่มีการลงมติใดๆ อีกทั้งมติเดิมก็ยังมีการรับรอง แล้วจะอย่างไรต่อไปดังนั้นต้องไปถามนายสุริยะ ซึ่งตนจะรอฟัง
นายอนุทิน กล่าวว่า ยังยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขคือเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชน ต่อให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติอย่างไรก็ตามแต่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามติที่ประชุมออกมาอย่างไรเราก็เคารพ
เมื่อถามถึงที่กรมวิชาการเกษตร มีหนังสือตรงถึงที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดย ที่น.ส.มนัญญา ไม่ทราบเรื่องถือว่าข้ามขั้นตอนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ก็เขาก็ข้ามขั้นตอนอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว แต่เป็นอันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ฟังคำสั่งรมช. มนัญญาดังนั้นผมก็ต้องไปพูดคุยกัน ในพรรคภูมิใจไทยเราก่อน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องคืนกรมวิชาการเกษตรไปให้รมว.ดูแล หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า ”ก็ในเมื่อควบคุมกันไม่ได้และปวดหัวกันอย่างนี้ ในเมื่อเราพยายามทำในเรื่องนี้แล้วเขาไม่ตอบสนอง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่เป็นไร คงต้องคุย กันในพรรคภูมิใจไทยก่อน ผมเป็นหัวหน้ามนัญญา ผมก็ต้องบอกว่าจะทู้ซี้คุมไปทำไม
“ก็ต้องเสนอไปถึงผู้บังคับบัญชาของรมช. มนัญญา ก็คือนายเฉลิมชัย รมว.เกษตร ถ้าจะคืนก็ต้องทำหนังสือขอคืนด้วยเหตุผลอะไรบ้างก็ต้องเขียนลงไป เช่น ควบคุมไม่ได้ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายอย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องขอคืนจากนั้นก็ต้องให้รมว. เฉลิมชัยพิจารณาว่าจะให้ดูต่อหรือจะเปลี่ยนกรม ในเมื่อรัฐมนตรีเปลี่ยนไม่ได้ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนกรม” นายอนุทิน กล่าว
นั่นคือท่าทีล่าสุด ณ ตอนนี้ของนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหากย้อนไปดูท่าทีก่อนหน้านี้ก็จะพบว่า มีลักษณะที่ค่อนแข็งเอาจริงเอาจังถึงกับประกาศลั่นไปทั้งแผ่นดินกับคำว่า ลาออก!!!
12 ต.ค. 2562 ที่โรงแรมศิวารอยัลจังหวัดพัทลุง นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวร่วมกับ 7 รัฐมนตรีพร้อมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนไม่เอาสารพิษทางการเกษตร
เมื่อถามว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า หากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแบน3สารเคมีไม่สำเร็จก็ควรลาออกไป โดยนายอนุทิน ตอบว่า หากมติของคณะกรรมการฯสวนไม่ทำตามมติ แนวทาง ของรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยที่กำกับ ก็พร้อมแสดงสปิริตลาออกเพราะเท่ากับว่า เราไม่มีความสามารถในการปกครองให้คนเหล่านั้น ปฏิบัติตามมติหัวหน้าส่วนราชการ
ส่วนตัวก็ได้ถามกับนายสุริยะว่า เรื่องสารพิษเป็นอย่างไร ได้รับคำยืนยันว่า ไม่เอาด้วย ก็เท่ากับว่า มั่นใจว่ามีผู้เห็นด้วย
(https://www.thaipost.net/main/detail/47878)
12 พ.ย. 2562 นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีพรรคแกนนำรัฐบาลอยากปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อเรียกคืนกระทรวงคนนาคม โดยมีมือที่มองไม่เห็นพยายามเขย่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งนายอนุทิน ได้ตอบคำถามบางช่วงที่น่าขีดเส้นใต้เอาไว้ว่า
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนายศักดิ์สยาม ก็ต้องเอาผมออกไปด้วย เรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน”
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าจะเอานายศักดิ์สยามออกจากรมว.คมนาคม หมายความว่าต้องเอาคนที่ชื่ออนุทินออกไปด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอน เพราะตนมั่นใจในความตั้งใจและความทุ่มเท
นั่นคือคำพูดของนายอนุทินเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นก็ฟังได้จากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดถึงกรณี5พรรคเล็ก8เสียงออกมาตั้งกลุ่มต่อรอง???
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเกิดความระหองระแหงจนอาจทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพว่า “ผมไม่เห็นมีเลย ใครหรือ ผมยังไม่เห็นได้ข่าวอะไรเลย”
เมื่อถามว่า มีบางพรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าอาจจะไม่ร่วมโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในความเป็นพรรคร่วมที่จะเดินหน้าร่วมกันต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมบังคับพวกท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็แล้วแต่ท่าน
สุดท้ายถามอีกว่า ดูเหมือนเป็นพฤติกรรมต่อรองทุกครั้งในการใช้เสียงรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า “ไม่มีหรอก มาต่อรองอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่กังวลอะไรกับเรื่องเหล่านี้ ผมทำงานของผมให้ดีที่สุด แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับมัน ประเทศก็ต้องรับไปด้วย ประชาชนก็เดือดร้อนไปด้วย รับไปด้วย ผมก็ทำของผมดีที่สุดแล้ว”
นี่คือท่าทีนายกฯบิ๊กตู่ ซึ่งนอกจากไม่กลัวคำขู่แล้ว ยังตอบกับนักข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานอีกด้วย ฉะนั้นไม่ว่าพรรคเล็ก หรือพรรคใหญ่อย่างนายอนุทิน ที่ส่งเสียงขู่ จะถอนจะย้ายออกก็ดูเหมือนว่า ลุงตู่ไม่ได้ยี่หระแม้แต่น้อยกับเสียงขู่ที่ออกมาจากปากล่องลอยอยู่ในสายลม!!!
แต่ถึงอย่างไรก็ตามมาถึงนาทีนี้ สังคมย่อมเกิดคำถามที่พุ่งตรงไปที่ตัวอนุทินอีกครั้ง หลังมติกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีสุริยะ นั่งประธานมีมติออกมาดังที่ปรากฏ?!? แล้วจะเอาอย่างไรกับคำพูดที่ลั่นวาจาออกมาถึง2ครั้ง2คราว่าจะลาออก!!! ซึ่งก็คงต้องรอฟังจากปากเจ้าตัวเอง เพราะวาจาที่เปล่งออกมาย่อมไม่ใช่(เพียง)สายลม!?!