สื่อยักษ์ฟันธง!? รัสเซียชนะขาดเมกา-นาโต้ มอสโกว์ล้ำสงครามอิเล็กทรอนิกส์-โดรนพลีชีพทำยูเครนพ่ายยับ

0

ปีนี้อาจเป็นปีที่ความตึงเครียดของสงครามตัวแทนในยูเครนจะดุเดือดมากขึ้น เมื่อปรากฎชัดแล้วว่า ศึกครั้งนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งของรัสเซียกับยูเครน แต่เบื้องหลังคือการรบชิงชัยระหว่างขั้วอำนาจเก่าและผู้ท้าทายจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีรัสเซียเป็นผู้เปิดเกม การศึกจึงมีแนวโน้มยืดเยื้อไม่จบง่าย และขยายไปสู่จุดวาบไฟอื่นๆในเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้น

สื่อดังอย่างเอเชียไทมส์ได้ออกบทวิเคราะห์ต้อนรับปีใหม่ออกมาอย่างน่าสนใจ ฟันธงชัดว่า ศึกรบแรงในปี ๒๕๖๕ ที่ผ่านมาระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีสหรัฐ-นาโต้หนุนหลังพิสูจน์แล้วว่า รัสเซียเหนือกว่าทั้งกำลังรบ อาวุธยุทโธปกรณ์ และที่สำคัญเหนือกว่าในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และกองบินโดรนพลีชีพ

เอเชียไทมส์ระบุว่า  รัสเซียทำลายโดรนยูเครนด้วยวิธีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกำจัดโดรนยูเครนหลายพันลำ ที่ประจำการในกองทัพยูเครนในปฏิบัติการพิเศษทางทหารได้ถึงร้อยละ ๙๐ ผลลัพธ์ดังกล่าวสำเร็จได้ด้วยประสิทธิภาพของสงครามอิเล็กทรอนิกส์

แกเบรียล ฮอนราดา(Gabriel Honrada)ผู้เขียนบทความระบุว่า รัสเซียกำลังได้เปรียบในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในยูเครน โดยปิดใช้งานโดรนและทำให้ปืนใหญ่ของยูเครนมองไม่เห็นการบุกจู่โจมของฝูงโดรน

ด้านเดวิด แอกซ์(David Axe) เขียนบทความให้กับ Forbes ในเดือนนี้ เขาอ้างถึงรายงานประจำเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ของ Royal Institute of Defense Studies ซึ่งระบุว่า Russian Electronic Warfare หรือ EW ได้ปิดการใช้งานยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับของยูเครนส่วนใหญ่ 

รายงานของสถาบันฯระบุว่าในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของโดรนหลาย๑,๐๐๐ ลำที่ประกอบขึ้นโดยยูเครนก่อนเริ่มปฏิบัติการพิเศษของรัสเซียถูกยิงตกด้วยเหตุนี้เคียฟจึงขอโดรนและเครื่องบินรบใหม่จากสหรัฐอเมริกาและนาโต้ สถานการณ์เช่นนี้ยังแก้ไขไม่ได้ อากาศยานของยูเครนจึงไม่อาจต่อสู้กับรัสเซียได้และถูกถล่มจาก แอร์ฟอร์ซของรัสเซียตลอดมา

บทความตั้งข้อสังเกตอีกว่าการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของรัสเซียหมายถึงการกีดกันยูเครนจากความได้เปรียบในการดำเนินการลาดตระเวน ซึ่งทำให้ปืนใหญ่จำนวนน้อยของยูเครนเสียบเปรียบในช่วงเริ่มต้นของการสู้รบ

ไมเคิล เป็ค(Michael Peck) เขียนในบทความล่าสุดของเขาอ้างว่าเป็นเพราะการยิงปืนใหญ่ของยูเครนที่ล้าสมัยจำนวนมาก ทำให้รัสเซียสามารถขับไล่การโจมตีรุกไล่เคียฟในเดือนกุมภาพันธ์ได้ เขาย้ำว่าโดรนไฮเทคและจรวดนำวิถีต่อต้านรถถังยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เมื่อโดรนของยูเครนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก มันทำให้การควบคุมการยิงของปืนใหญ่ทำได้ยาก ขาดความได้เปรียบ 

นอกจากนี้ ในไม่ช้า ปืนใหญ่อัตตาจรของยูเครนที่ยิงแบบสุ่มสี่สุ่มห้า สิ่งนี้จะทำให้ปัญหาการขาดแคลนกระสุนรุนแรงยิ่งขึ้น และจะกลายเป็นบททดสอบใหม่สำหรับความอดทนเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ และนาโต้ ซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อให้สามารถสู้รบต่อไปได้

นักบินรบของยูเครนเป็นคนกลุ่มแรกที่รู้สึกว่าวิธีการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของรัสเซียสมัยใหม่มีประสิทธิภาพเพียงใด รัสเซียรบกวนการสื่อสารกับภาคพื้นดินและเครื่องบินลำอื่น ระงับการทำงานของอุปกรณ์นำทางและปิดใช้งานเรดาร์บนเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม บทความของไบรอัน คล้าก (Bryan Clark) ปรากฏในนิตยสาร IEEE Spectrum ว่าหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของรัสเซียกำลังได้เปรียบความขัดแย้งในยูเครนกลายเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

จากข้อมูลของคลาร์ก ในตอนนี้ การสู้รบส่วนใหญ่อยู่ในยูเครนตะวันออก ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรต่ำกว่า และกองทหารรัสเซียก็ตั้งที่มั่นอย่างดีและมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น ขณะนี้รัสเซียกำลังใช้เครื่องมือสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มที่ เพื่อตรวจจับและขัดขวางการทำงานของระบบสื่อสารของยูเครน สิ่งนี้ช่วยในการใช้กลยุทธ์ของความเชี่ยวชาญในดินแดนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งกองทัพรัสเซียใช้ข้อได้เปรียบประสานกับอำนาจปืนใหญ่ซึ่งก็คือระดับ ๑๐ ต่อ ๑ ทำให้ยูเครนพ่ายแพ้ในหลายสนามรบ

ข้อวิตกกังวลใหม่ของสหรัฐฯได้เปิดเผยจากการเขียนบทความของอดีตนายพลทหารสหรัฐฯ เกี่ยวกับการที่รัสเซียและพันธมิตรมีศักยภาพในการโจมตีด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธวิธีสงครามอิเล็กทรอนิกส์หรือ การใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเผด็จศึก

คริสเตียน ออร์(Christian Orr) เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่เกษียณแล้วได้เขียนบทความในสิ่งพิมพ์ ไนน์ทีนฟอร์ตี้ไฟว์(19FortyFive) ระบุว่า ความสำเร็จของรัสเซียในการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะนำไปสู่การทำลายล้างหรือความเสียหายร้ายแรงต่อระบบพลังงานทั้งหมดของประเทศ รวมถึงการปิดใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ แต่ผู้นำคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ให้ความสนใจกับภัยคุกคามนี้

ออร์เน้นย้ำว่ารัสเซีย จีน หรืออิหร่านสามารถโจมตีสหรัฐฯ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ เขาเชื่อว่า ความเสี่ยงของการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยเจตนาโดยการจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ในอวกาศนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้นำทางการเมืองและการทหารของสหรัฐอเมริกาจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันหายนะที่อาจจะเกิดกับประเทศ ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารคนอื่นๆ ต่างออกมาเตือนรัฐบาลไบเดนว่า รัสเซียอาจจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ในอวกาศโดยจงใจเพื่อให้บรรลุผลของการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อประเทศในกลุ่มนาโต้!!??