ตลอดปี ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา จีนภายใต้การนำของปธน.สี จิ้นผิง ได้สร้างผลงานด้านต่างประเทศที่น่าตื่นใจไว้หลายประการ สำหรับ ความสัมพันธ์จีน-อาหรับมีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อผู้นำจีนได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างรัฐจีน-อาหรับครั้งแรกและการประชุมสุดยอดจีน-กลุ่มอ่าว GCC :Gulf Cooperation Council
การเจรจาทางการทูตระดับสูงสุดของจีนกับโลกอาหรับในระดับที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนในปี ๒๔๙๒ จีนและรัฐอาหรับได้บรรลุฉันทามติในการสร้างชุมชนจีน-อาหรับที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศความคิดริเริ่ม ๘ ประการสำหรับความร่วมมือระหว่างฝ่ายจีนและฝ่ายอาหรับ จีนและ GCC ได้สร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ซึ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นสองพลังสำคัญและอารยธรรมที่สำคัญ จีนและโลกอาหรับได้จับมือกันและสนับสนุนซึ่งกันและกันในการพัฒนาความพยายามในการฟื้นฟูประเทศ และส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาค
เมื่อก้าวเข้าสู่ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงกองทัพจีนได้เปิดเผยแผนความร่วมมือทางทหารระหว่างจีนและกลุ่มชาติอาหรับสะท้อนการตัดสินใจร่วมที่สำคัญท่ามกลางกระแสการต่อสู้จัดระเบียบโลก ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯ กับกลุ่มโลกหลายขั้วที่นับวันแข็งแกร่งเติบโตยิ่งขึ้น
วันที่ ๑ ม.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์ รายงานว่า กระทรวงกลาโหมปักกิ่งกล่าวว่าความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะช่วยสร้าง “ชุมชนจีน-อาหรับที่มีอนาคตร่วมกัน”
กระทรวงกลาโหมจีนได้ส่งสัญญาณความพร้อมในการกระชับความร่วมมือทางทหารกับประเทศอ่าว เพื่อส่งเสริม “ สันติภาพของโลก คำแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมสุดยอดจีน-อาหรับและการประชุมสุดยอดสภาความร่วมมือจีน-อ่าวอาหรับในซาอุดีอาระเบีย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตัน เค่อเฟย โฆษกกระทรวงกลาโหม(Defense Ministry spokesperson Tan Kefei) กล่าวว่า “เหนือสิ่งอื่นใด กองทัพจีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับกองทัพของประเทศอาหรับ ” เพื่อ “ ร่วมกันส่งเสริมความคิดริเริ่มด้านความมั่นคงทั่วโลก ”
เขากล่าวเสริมว่า “ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะส่งผลดีต่อ “ การสร้างชุมชนจีน-อาหรับที่มีอนาคตร่วมกัน ”
ตันอธิบายความสัมพันธ์ของกองทัพจีนและชาติอาหรับว่าเป็นกำลังสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก เขาตั้งข้อสังเกตว่าปักกิ่งและมหาอำนาจในภูมิภาคได้แบ่งปันเทคโนโลยีทางทหารและจัดการฝึกซ้อมร่วมกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โฆษกของกระทรวงฯ ระบุว่า “ความร่วมมือ ที่เกิดผลนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันเชิงกลยุทธ์ระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาหรับ”
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เดินทางเยือนริยาดอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของกษัตริย์ซัลมานระหว่างวันที่ ๗-๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๕
มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน กล่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำจีน-อาหรับ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับ “ การสร้างเขตการค้าเสรีระหว่างจีนกับประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ” ยิ่งไปกว่านั้น รัฐอ่าวและจีนยืนยันแผนที่จะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหา “ ปัญหาความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ” เช่นเดียวกับความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานในทุกระดับ
ปักกิ่งและริยาดได้ลงนามในข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจหลายฉบับกว่า ๒๐ ฉบับ นอกจากนี้ประมุขแห่งรัฐของจีนได้จัดการประชุมแยกต่างหากกับ อับเดล ฟาตาห์ เอล-ซีซี(Abdel Fattah el-Sisi) ผู้นำชาวอียิปต์อีกด้วย
งานนี้ต้องบอกว่าจีนเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มอ่าวอาหรับได้อย่างกระชับแน่นแฟ้นมากขึ้นทั้งในตะวันออกกลางและโลกอาหรับ เมื่อกลางปีก็ได้สานต่อข้อตกลงยุทธศาสตร์ทางความมั่นคงกับอิหร่านไปเรียบร้อย และจุดยืนในสหประชาชาติ จีนได้แสดงการสนับสนุนต่อปาเลสไตน์และคัดค้านการบุกรุกยึดที่ดินของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมาย ท่ามกลางการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายสหรัฐและบริวารที่โจมตีต่อเนื่องว่าจีนกดขี่ทำลายมุสลิมอุยกูร์ ในพลังแห่งโลกหลายขั้วที่ท้าทายมหาอำนาจเดี่ยวอย่างสหรัฐ จีนยังมีบทบาทนำทั้งในกลุ่ม BRICS และ องค์กรพันธมิตรเซี่ยงไฮ้หรือ CSTO ที่กลุ่มอ่าวอาหรับให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างคึกคักด้วย!!