อีกหนึ่งจุดวาบไฟที่สหรัฐฯได้ยึดครองและปล้นชิงทรัพยากรน้ำมันของซีเรียมายาวนาน นับตั้งแต่สงครามปราบก่อการร้ายที่เมกาฯสร้างขึ้นกินเวลาเกือบ ๒๐ ปีที่โลกถูกบิดเบือนและปิดกั้นข่าวสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง จนวันนี้ประเทศปาเลสไตน์เหลือแผ่นดินที่ชาวปาเลสไตน์ได้อาศัยอยู่เพียงน้อยนิดจากเดิม และถูกอิสรเอลยึดครองอย่างผิดกฎหมายสากล
ล่าสุด สหประชาชาติได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากเป็นเอกฉันท์ครั้งแรกนับตั้งแต้การยุดครองของอิสราเอลเริ่มขึ้น ได้อนุมัติข้อเรียกร้องของปาเลสไตน์ในการออกคำวินิจฉัยทางกฎหมายโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์อย่างผิดกฏหมายของอิสราเอล
วันที่ ๑ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้อนุมัติมติขอความเห็นทางกฎหมายอย่างเป็นทางการจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการยึดครองเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง ผู้นำปาเลสไตน์ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า มาตรการนี้ถือเป็นก้าวแรกสู่ความรับผิดชอบของUN
มติดังกล่าวขอให้ศาลโลกหรือ ICJ:The International Court of Justice ให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจาก ” การยึดครอง การตั้งถิ่นฐาน และการผนวก ” ของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ ” รวมถึงมาตรการที่มุ่งเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางประชากร ลักษณะและสถานะของนครศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม และจาก การนำกฎหมายและมาตรการการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องมาใช้” ศาลควรอธิบายว่านโยบายและการดำเนินการเฉพาะของอิสราเอล ” ส่งผลต่อสถานะทางกฎหมายของผู้ยึดครอง ” อย่างไร และกำหนดผลทางกฎหมายที่อาจตามมา ไม่ใช่แค่สำหรับอิสราเอล แต่สำหรับ UN และสมาชิก
มติผ่านโดยได้รับการสนับสนุนจาก ๘๗ ประเทศ การโหวต ” ไม่ ” ๒๖ เสียง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก อีก ๕๓ ประเทศงดออกเสียง
แม้ว่าคำตัดสินของ ICJ ควรจะมีผลผูกพัน แต่การไม่มีกลไกบังคับใช้ หมายความว่าแม้ว่าจะมีคำตัดสินต่อเทลอาวีฟ การเปลี่ยนแปลงก็ไม่น่าเป็นไปได้ ในปี ๒๕๔๗ ICJ ตัดสินว่า ‘กำแพงรักษาความปลอดภัย’ ที่อิสราเอลสร้างผ่านเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเท่ากับเป็นการผนวกดินแดนปาเลสไตน์โดยพฤตินัย โดยเรียกร้องให้รื้อถอนโครงสร้างดังกล่าวและจ่ายค่าชดเชยให้ชาวปาเลสไตน์ สมัชชาสหประชาชาติถึงกับลงมติเรียกร้องให้อิสราเอลปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก อิสราเอลก็เมินและผนังยังคงยืนอยู่
กิแลด เออร์ดาน(Gilad Erdan) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำ UN ปฏิเสธมติเมื่อวันศุกร์ และขยายเวลา ” การตัดสินใจใด ๆ จากหน่วยงานตุลาการที่ได้รับมอบอำนาจจาก UN ที่ล้มละลายทางศีลธรรมและการเมือง ” ซึ่งถือว่า ” ไม่ชอบด้วย กฎหมายโดยสิ้นเชิง”
อิสราเอลได้จัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายขวาจัดที่นำโดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ สหประชาชาติและบริษัทในเครือได้ออกมติหลายสิบฉบับที่ประณามการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มติเมื่อวันศุกร์มีจุดเริ่มต้นในรายงานของคณะกรรมาธิการไต่สวนสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ ซึ่งบอกเป็นนัยว่านโยบายของอิสราเอลอาจเพิ่มระดับอาชญากรรมสงครามและจำเป็นต้องได้รับความสนใจจาก ICJ แต่ทุกอย่างคงซ้ำรอยเดิม คือ อิสราเอลกร่างมากไม่สนยูเอ็น
ประเด็นนี้ท่าทีของฝ่ายกองกำลังต่อต้านอิสราเอลแสดงจุดยืนชัดว่าจะต่อสู้ต่อไปอย่างถึงที่สุด
สำนักข่าวทัสนิมฯรายงานว่า เลขาธิการญิฮาดอิสลามแห่งปาเลสไตน์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขวาจัดของเนทันยาฮู เขาระบุว่าอิสราเอลกำลังมองหาการรุกรานครั้งใหม่อย่างแน่นอน
ซาอิด อัล-นาเลห์(Ziad al-Nakhleh) เลขาธิการขบวนการญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ ให้สัมภาษณ์กับ สื่ออัลมะยาดิน(Al-Mayadin) ทางTwitter มีใจความสำคัญคือ
-คาดว่าในปีหน้าเราจะได้เห็นการรุกรานครั้งใหม่ของอิสราเอลต่อฉนวนกาซาหนักยิ่งขึ้น
-รัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอลต้องการทำลายหมู่บ้านของชาวปาเลสไตน์ที่เหลืออยู่ในเขตเวสต์แบงก์จนหมดอย่างไม่มีใครขัดขวาง
-เราจะจัดการและเผชิญหน้ากับการพัฒนาและการตั้งถิ่นฐานของผู้บุกรุกด้วยตนเอง
-ไม่มีความเป็นไปได้ที่เราจะอยู่ร่วมกับศัตรูไซออนิสต์ ที่ทำลายอิสลาม
-เรากำลังต่อสู้กับอเมริกาในอิสราเอล เพราะประเทศนี้คือผู้สนับสนุนหลักและผู้สนับสนุนรายแรกตลอดมา
-ศัตรูต้องการลวงโลกและแสร้งทำเป็นว่าสงครามในปาเลสไตน์เป็นการต่อต้านอิหร่าน และสาธารณรัฐอิสลามกำลังใช้ชาวปาเลสไตน์ในการสู้รบกับอิสราเอล!
-เราไม่เห็นชาติใดที่ให้การสนับสนุนปาเลสไตน์อย่างแท้จริง ยกเว้นอิหร่าน ฮิซบุลเลาะห์ และซีเรียเท่านั้น
-ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะห์ เป็นผู้นำที่แท้จริงของขบวนการต่อสู้ และนายพลสุไลมานีเป็นผู้พลีชีพแห่งเยรูซาเล็มอย่างแท้จริง ขอให้ประเทศอาหรับทั้งหมดปฏิบัติตามหน้าที่ที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ ในฐานะพี่น้องมุสลิม
-ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายสำหรับศัตรูและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวสต์แบงก์คือการต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างแท้จริงของขบวนการอินติฟาดาห์
คำประกาศกร้าวของผู้นำขบวนการต่อต้านอิสราเอลในปาเลสไตน์ บ่งบอกว่า จุดวาบไฟในตะวันออกกลางจะร้อนแรงขึ้นอีก ท่ามกลางการโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐและตะวันตกป้ายหน้าให้รัสเซีย-จีนและขบวนการอิสลามเป็นก่อการร้าย นานาชาติทั่วโลกต้องจับตาอย่างไม่กะพริบ!!??