ไทยผงาดแรง GDPพุ่งสวนยุโรป! บ.อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำจีน ขนเงินมาลงทุนตั้งฐานผลิตใหญ่ แถมนทท.แห่เที่ยวทะลักหลังเปิดปท.
จากกรณีที่ บริษัทผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจากจีน ผุดโรงงานผลิตรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าแห่งแรกนอกจีน คาดเริ่มเดินเครื่องปี 2567 กำลังผลิต 1.5 แสนคันต่อปี หนุนแผนไทยฮับผลิตรถอีวีระดับโลก
ต่อมาทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่จีนดันไทยทุ่ม 2.7 พันล้าน ลงทุนผลิตอิเล็กทรอนิกส์ โดยบอกว่า ปัจจุบันจีนเป็นฐานใหญ่การผลิตภาคอุตสาหกรรม บริษัทในยุโรป ต่างอยู่ไม่ไหวที่รัฐบาลปฏิเสธใช้พลังงานราคาถูกรัสเซีย จึงพากันเผ่นหนีค่าพลังงานแพงสหรัฐ ในยุโรปย้ายไปลงทุนในจีน
บริษัท Volkswagen Anhui เป็นกิจการร่วมค้ากับจีนของ Volkswagen Group ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (NEV) รุ่นพรีซีรีส์ ในนครเหอเฝย มณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน และมีแผนผลิตอีกจำนวนมากในปี 2023 Volkswagen Anhui ลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนสูงถึง 2.31 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.14 แสนล้านบาท)
สร้างงานในเมือง ถึงสิ้นปีนี้จะสูงเกิน 3,500 คน ซึ่งเป็นวิศวกรวิจัยและพัฒนา 1,300 คน ผลผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ของนครเหอเฝย ช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 91.75% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจำนวนสูงถึง 260,000 คัน
ส่วนบริษัท Samsung China Semiconductor ก็ผลิตในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เช่นกัน ในปี 2022 นี้จะมีผลผลิตสูงเกิน 1 แสนล้านหยวน (ราว 4.98 แสนล้านบาท) โรงงานผลิตชิป Samsung ในนครซีอันไม่เคยหยุดการผลิตตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และสามารถเอาชนะความท้าทายด้านโลจิสติกส์และการจัดหาวัสดุเพื่อรับรองการผลิตด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีน และไม่สนคำสั่งของสหรัฐ
Samsung ตั้งโรงงานผลิต Semiconductor ในจีนมา 10 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2012 ระยะแรกลงทุนราว 4.76 แสนล้านบาท ส่วนระยะสองทำมาตั้งแต่ปี 2021 ด้วยเงินลงทุน ราว 4.62 แสนล้านบาท ล่าสุดบริษัท Huizhou China Eagle Electronic Technology InC. (CEE) ประกาศการลงทุนในประเทศไทย มูลค่าราว 2,730 ล้านบาท ผลักดันเป็นฐานการผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB)
ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ แผ่นวงจรชนิดหลายชั้น (MLB) แผงวงจรพิมพ์ที่มีความหนาแน่นสูงและเชื่อมต่อกัน (HDI) สำหรับอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ คอมพิวเตอร์ และการสื่อสารผ่านเครือข่าย
บริษัท CEE ระบุว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นความคืบหน้าที่สำคัญของบริษัท ในการขยายกิจการเชิงกลยุทธ์ในเปิดตลาดประเทศ ซึ่งเอื้อต่อการลดต้นทุนการดำเนินงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น
และผลจากรัฐบาลจีนเปิดประเทศผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นโรคพื้นฐานธรรมดา พบว่าจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่มีปริมาณการค้นหาเติบโตเร็วที่สุดที่ชาวจีนจะออกไปเที่ยว 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยราว 70,000 คน/วัน เดือนละกว่า 2 ล้านคน ปีนี้รวมสะสมเกิน 11.5 ล้านๆ คน เงินไหลเข้าไทยแล้วหลายล้านล้านบาท
ปีหน้า 2023 คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาไทยเกิน 20 ล้านคน โดยไม่รวมชาวจีน ดังนั้นเมื่อจีนเปิดประเทศ จะเสมือน “เขื่อนแตก” เพราะจีนแผ่นดินใหญ่มีพลเมืองมากกว่า 1,435 ล้านคน ถ้าแห่ไปประเทศไหน ประเทศนั้นจะเงินไหลเข้าประเทศแบบเขื่อนแตกเช่นกัน
ไทยมีชื่อติดเป้าหมายที่ชาวจีนจะเดินทางมา ให้ชาวไทย เตรียมพร้อมรับมือการทะลักของนักท่องเที่ยวจีนได้เลย
ไทยไม่คว่ำบาตรใคร ไม่กีดกันใคร ไทยรักทุกคน รวย GDP พุ่งสวนทางยุโรปแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.blockdit.com/world.update
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454
