อนุทินประกาศคุยบิ๊กตู่ไว้แล้ว จับมือกันตั้งรบ.ขั้วเดิมหลังลต. แต่ถ้าเสียงไม่พอ ยันภท.พร้อมเป็นแกนนำเอง

0

ยิ่งใกล้การเลือกตั้งการเมืองยิ่งดุเดือด ทั้งท่าทีของนายกที่เปิดตัวเป็นแคนดิเดตอย่างเป็นทางการของพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมไปถึงการย้ายพรรคของ ส.ส. ที่สำคัญพรรคภูมิใจไทยก็ตกเป็นข่าวไม่เว้นวัน เพราะนักการเมืองตบเท้าเดินเข้าเป็นว่าเล่น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนตั้งฉายาในส่วนของพรรคภูมิใจไทย “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” ว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่แรงจะเป็นข่าวหรือไม่ ส่วนตัวมองเป็นสีสัน มั่นใจผู้สื่อข่าวไม่ได้จริงจังอะไร  เมื่อถามว่าให้คะแนนฉายา “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนตอบว่า “ไม่ได้เรท”

ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดหน้าลงพื้นที่เป็นนักการเมือง ทำให้กระแสพรรครวมไทยสร้างชาติดีขึ้น พรรคภูมิใจกังวลหรือไม่ นายอนุทิน มองว่า ต่างคนต่างแข่งขันกัน ต่างทำความดี ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งพรรคภูมิใจก็มีทิศทาง มียุทธศาสตร์ของพรรค อย่าไปมองว่าเป็นการห้ำหั่นกัน  “ท่านนายกก็เป็นนายกรัฐมนตรีเข้าปีที่ 8 แล้ว ถือเป็นนักการเมืองตั้งแต่ที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว”

ส่วนหลังจากนี้จะมีการเปิดตัวบิ๊กเนมเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยอีกหรือไม่ เพราะมีดีลกันไว้หลายคน นายอนุทิน กล่าวว่า คงเป็นไปตามขั้นตอน เราไม่ได้ปิดกั้นอะไร พรรคพร้อมเสมอสำหรับผู้ที่จะมาร่วมงานกับพรรค ด้วยนโยบาย ประสบการณ์ และความสำเร็จของพรรค เราเปิดกว้างไม่ได้ปิดประตูใส่ใครแม้แต่คนเดียว

เมื่อถามว่า ช่วงนี้หลายพรรคการเมืองเริ่มขยับเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และการเมืองในปีหน้าจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ปีหน้าก็มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ตั้งใจจะมาเป็นตัวแทนของประชาชนคงต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการนำนโยบายไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งการเตรียมตัวเลือกตั้ง

“มันเป็นเรื่องใหญ่นะ แผ่นป้าย แผ่นพับ ต้องทำ รูปแบบการปราศรัยแตกต่างกันไป บางพรรคปราศรัยใหญ่ บางพรรคปราศรัยย่อย บางพรรคใช้วิธีการเคาะประตู คิดว่าช่วงเวลา 5-5 เดือน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง

เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรีเปิดตัวเป็นนักการเมือง โอกาสที่จะได้คะแนน หรือเข้าสู่รัฐบาลบาลเดิมมีมากน้อยแค่ไหนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องดูที่ผลการเลือกตั้ง เราคุยกันไว้ว่าจะจับมือกันเป็นขั้วนี้ แต่หากประชาชนเลือกมาแล้วคะแนนไม่พอจะทำอย่างไร จึงต้องย้ำว่า ประชาชนคือผู้ตัดสินวิถีทางและอนาคตของพรรคการเมือง หากประชาชนเลือกขั้วรัฐบาลปัจจุบันเกินกึ่งหนึ่งคงเดินหน้าต่อ แต่ต้องให้ผ่านพ้นหลังการเลือกตั้งไปก่อน หากถามพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคก็มีแนวทางอยู่แล้ว คือ ต้องการขยับเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แต่การจะเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้ ก็ต้องมีทิศทางเป็นของตัวเอง

“เราก็ต้องเป็นผู้กำหนดเกมบ้าง ไม่ใช่เป็นพรรคที่คอยไปดูว่าพรรคอื่นเขาทำอย่างไร และเราจะขอไปร่วมก็คงไม่ได้”

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วันที่เปิดพรรคภูมิใจไทย พรรคก็มีความพร้อมให้เห็น มีสมาชิกมาสมัครมากมาย ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. ที่ลาออกมาร่วมงานกับพรรค ยืนยัน พร้อมที่จะเป็นแกนนำ  ส่วนการเลือกตั้งรอบหน้าจะจองเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมที่จะทำงานให้บ้านเมือง หากประชาชนพิจารณาแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เขา เขาก็เลือกเรา ไม่มีอะไรซับซ้อน

ฝั่งของคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย บอกเอาไว้ว่า ภท.นั้นพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย โดนคุณเนวินกล่าวไว้ว่า  “ควรเลิกคิดเรื่องการแบ่งขั้วได้แล้ว ถ้ายังแบ่งสีแบ่งขั้วกันอยู่เช่นนี้จะทำให้บ้านเมืองไม่ไปไหน ส่วนหนึ่งที่บุรีรัมย์มาถึงวันนี้ แล้วพัฒนาแบบก้าวกระโดด ใน 10 ปี เติบโตกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย เพราะเราไม่มีขั้ว

ตนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย และทักษิณ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการภายในของพรรคเพื่อไทย และในเมื่อต่างก็มีนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการร่วมงานทางการเมือง หรือจับมือจัดตั้งรัฐบาล แต่หากไม่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ว่าใครก็คงจะร่วมด้วยไม่ได้

เนวินกับทักษิณหมดปัญหากันหรือยัง ผมก็ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย ผมไม่ใช่ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย ท่านนายกทักษิณก็ไม่ใช่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องรัฐบาลหลังเลือกตั้งถ้าเขาจะตั้งรัฐบาลด้วยกัน ถูกไม่ถูก งั้นเท่ากับว่าวันนี้ยอมรับสิว่าการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทยมันเกิดขึ้นโดยใครอะไรยังไง”