ปีนี้วันคริสต์มาสไม่เหลือความสุขให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อย่างที่พึงเป็น ล่าสุดกองทัพเกาหลีใต้เป็นฝ่ายเปิดเผยว่า ได้สกัดการรุกล้ำข้ามแดนของ “อากาศยานไร้คนขับจำนวนหนึ่ง” จากเกาหลีเหนือซึ่งรุกเข้าไปถึงน่านฟ้าเมืองหลวงด้วย เป็นความตึงเครียดทางทหารที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๐
เหตุการณ์ครั้งนี้ เกาหลีใต้ส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสู่ท้องฟ้ายิงใส่ด้วย หมายจะซัดโดรนสอดแนมให้ตกแต่ล้มเหลว กลับมีเครื่องบินติดตามลำหนึ่งของเกาหลีใต้เองตกโดยไม่ทราบสาเหตุและนักบินดีดตัวออกมาก่อนเลยรอดชีวิต ที่ทำให้สหรัฐและเกาหลีใต้ต้องประหลาดใจคือ โดรนเกือบทั้งหมดหายไปจากจอเรดาร์และตามหาพิกัดไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน
วันที่ ๒๗ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวยอนฮับ(Yonhap) และเอ็นเคนิวส์ (NK News) รายงานว่า เกาหลีใต้ได้ตรวจจับวัตถุไม่ทราบชนิดบินข้ามเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารระหว่างสองเกาหลี (Military Demarcation Line-MDL) ไปยังพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณเมืองคิมโพ และเมืองพาจู จ.คย็องกี และเกาะคังฮวา โดยไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่เวลา ๑๐.๒๕ น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา๐๘.๒๕น.ของไทย
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ประเมินเบื้องต้นว่า อาจเป็นอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle-UAV) ของเกาหลีเหนือ โดยไม่มีการยืนยันการติดอาวุธ ซึ่ง กห.เกาหลีใต้ดำเนินมาตรการตอบโต้ตามลำดับด้วยการประกาศและยิงเตือน รวมถึงระดมเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ เพื่อกำจัดอากาศยานดังกล่าว
ทั้งนี้ เครื่องบินโจมตีเบารุ่น KA-1 ของเกาหลีใต้ ตกโดยไม่ทราบสาเหตุระหว่างปฏิบัติภารกิจ ขณะที่ทางการเกาหลีใต้สั่งระงับเส้นทางการบินพลเรือนที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อนและคิมโพชั่วคราวก่อนหน้านี้ เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยในอดีตที่เกาหลีเหนือส่งอากาศยานไร้คนขับข้ามพรมแดนไปยังเกาหลีใต้เมื่อปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๖๐ เพื่อสอดแนมทางทหาร
ด้านสำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า สหรัฐโวยวายโดยโฆษกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์นี้เป็นการแทรกซึมของโดรนเกาหลีเหนือเข้าสู่น่านฟ้าของเกาหลีใต้ และวอชิงตันกำลังจัดการประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดลักษณะของการยิงที่เกิดขึ้น
ฝ่ายสหรัฐฯ ยังได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างแข็งกร้าวต่อการป้องกันเกาหลีใต้ และกล่าวว่าพวกเขายอมรับ “ความต้องการของเกาหลีใต้ในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของตน”
เมื่อวันจันทร์ โดรนขนาดเล็กของเกาหลีเหนือ ๕ ลำบินในพื้นที่เกาะกังฮวาโดในเกาหลีใต้ และอีก ๑ ลำบินขึ้นไปยังภาคเหนือ และรวมตัวกันเหนือมหานคร รวมทั้งกรุงโซล มีรายงานว่าโดรนหนึ่งลำสามารถกลับไปยังภาคเหนือได้ ในขณะที่อีก ๔ ลำที่เหลือหายไปจากเรดาร์ กองทัพเกาหลีใต้จับพิกัดไม่ได้ว่าหายไปทางไหน
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เรียกว่าเป็นการละเมิดน่านฟ้าของตนโดยโดรนของเกาหลีเหนือ ถือเป็นการยั่วยุที่ชัดเจน และให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด
กองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่าได้ยิงมากกว่า ๑๐๐ นัดใส่โดรนของเกาหลีเหนือที่ล่วงล้ำเมื่อวันจันทร์ แต่ล้มเหลว
สื่อท้องถิ่นอ้างคำกล่าวของเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ หลังจากเครื่องบินรบถูกรบกวนเพื่อสกัดกั้น UAV และเฮลิคอปเตอร์ทหารพยายามใช้ปืน ๒๐ มม. เพื่อนำโดรนออกไปแต่ไร้ผล สื่อท้องถิ่น กล่าวกันว่าโดรนของเกาหลีเหนือทำการหลบหลีกเพื่อตอบสนองต่อการโจมตี
ยาง มูจิน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษา (Yang Moo-jin, a professor at the University of North Korean Studies)อ้างจากเว็บไซต์ข่าวฮันคยองว่า“จุดประสงค์หลักของ UAV ดูเหมือนจะเป็นการลาดตระเวน”ในฝ่ายเกาหลีใต้
ในขณะเดียวกัน ฮง มิน หัวหน้าแผนกวิจัยเกาหลีเหนือที่สถาบันเพื่อการรวมชาติแห่งชาติ กล่าวกับสำนักข่าวยอนฮัปว่า“ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือกำลังตอบโต้ต่อเที่ยวบินสอดแนมและตรวจตราที่เข้มงวดขึ้นของกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงคริสต์มาส”
การสกัดกั้นส่งผลให้เครื่องบินของเกาหลีใต้ตก ๑ ลำ โดยนักบินทั้งสองของเครื่องบินเบา KA-1 รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ปฏิบัติการดังกล่าวยังบังคับให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระงับเที่ยวบินพลเรือนทั้งหมดที่สนามบินนานาชาติอินชอนและกิมโปชั่วคราว
วิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่นแสดงให้เห็นเครื่องบินของเกาหลีใต้ดูเหมือนจะตะเกียกตะกายเพื่อสกัดกั้นโดรน สุดท้ายร่วงสู่พื้นดิน ทางการเกาหลีใต้อ้างยังไม่ทราบสาเหตุแต่ไม่ได้ถูกโดรนของเกาหลีเหนือยิงแต่อย่างใด
ตามรายงานของสหประชาชาติในปี ๒๕๕๙ เกาหลีเหนือมีโดรนประมาณ ๓๐๐ ชนิดที่แตกต่างกัน รวมถึง UAV ลาดตระเวน กำหนดเป้าหมาย และต่อสู้ ในปี ๒๕๖๐ สถาบันเพื่อการรวมชาติเกาหลี ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ อ้างว่าเปียงยางมีโดรนที่สามารถบรรทุกอาวุธได้ประมาณ ๑,๐๐๐ ลำ
เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โซลอ้างว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ ๒ ลูกลงสู่ทะเล ไม่กี่วันหลังจากเครื่องบินรบของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ทำการซ้อมรบร่วมกัน ซึ่งเกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นการตอบโต้ และเปียงยางมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีเกาหลีเหนืออย่างโจ่งแจ้ง!!!