จากที่ผู้นำยเครนได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา โดยมีการแถลงต่อสภาคองเกรสด้วย ซึ่งประเด็นสำคัญที่ปรากฏออกมาเป็นข่าวสารเผยแพร่ไปทั่วโลกก็คือ การให้ยูเครนกู้ยืมเงินเพื่อนำไปซื้ออาวุธต่อสู้กับรัสเซียเพิ่มเติม
ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2565 Blockdit World Update โพสต์ข้อความเปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดภายหลังจากผู้นำยูเครนไปเยือนสหรัฐในเรื่องการกู้ยืมเงินว่า
“แม้ว่าจะใกล้เทศกาลปีใหม่กองทัพรัสเซีย ก็ไม่มีแผ่ว ระดมยิงอาวุธหนักอัดเข้าไปยังเมืองบัคมุท ในตำแหน่งของกองกำลังผสมในยูเครน ที่ยังย่ำแย่ตกในสภาพรับฝนเหล็กห่าใหญ่ตลอดวันและคืน
ในช่วงกลางคืนกองทัพรัสเซีย ยิงระเบิด ฝนแห่งไฟ แตกกระจายเหนือทุกฟ้า จากนั้นลูกไฟจะตกโปรยปรายลงมาสู่พื้นโลก และผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิตหลบใต้ซากอาคารปรักหักพังให้ขาดออกซิเจน และผิวหนังไหม้เกรียม บริเวณโดยรอบชานเมือง เครื่องบดเนื้อบัคมุท พบซากรถบรรทุกลำเลียงพล รถหุ้มเกราะ รถถัง ยานยนต์ ของกองกำลังผสมในยูเครน ถูกทำลายไฟลุกไหม้โดยกองทัพรัสเซีย
ไม่มียานยนต์ใดที่ขนกำลังพล และอาวุธ จะลอยชายเข้าและออกจากเครื่องบดเนื้อนี้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกทำลายจากอากาศยานโดรนพลีชีพ และปืนใหญ่ที่ทรงพลังของรัสเซีย การเคลื่อนยานพาหนะเสริมกำลังพล หรืออาวุธ เข้าไปเมืองนี้ ฝ่ายยูเครนต้องทำใจว่าทุกอย่างที่มีหรือไม่มีชีวิตจะถูกทำลายกลายเป็นซากปุ๋ยชีวภาพ จะส่งมาสักกี่พัน หมื่น แสน จุดจบจะไม่ต่างกัน
ฝ่ายชาติตะวันตก และยูเครน ยังใช้ตำราการรบโบราณยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ยึดพื้นที่ยอมทุ่มกำลังพลคลื่นมนุษย์และอาวุธ เพื่อยึดครองพื้นที่ ตำราแบบนี้ทำให้เมื่อเกือบ 8 ทศวรรษก่อน สูญเสียทหารหลักล้านนายเพื่อชิงแค่เมืองที่เละขนาดนิดเดียว
ตำรารบโบราณตะวันตกนี้อาจใช้ได้ผลกับฝ่ายคู่สงครามที่อาวุธล้าสมัย ด้อยกว่าแบบกองทัพอิรัก ซีเรีย ตาลีบัน อัฟกานิสถาน แต่ใช้ไม่ได้กับฝ่ายตรงข้ามที่อาวุธทันสมัย รุนแรง หนักหน่วง และโหดจัด
สำหรับกองทัพรัสเซีย ได้ปฏิรูปตำราการรบใหม่หลังชนะสงคราม 5 วันในจอร์เจีย โดยเรียนรู้การจัดแบ่งกำลังเป็นขนาดหน่วยย่อยๆ จำนวนน้อยแต่คล่องตัว แล้วถ่วงสมดุลเน้นไปที่ประสิทธิภาพการโจมตีด้วยอาวุธหนัก เรียกกลศึกแบบนี้ว่า “การบั่นทอน” คือ ไม่สนใจยึดพื้นที่ แต่เน้นหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามส่งกำลังพล และอาวุธมารวมกลุ่มกันเหมือนมดปลวก แล้วรอทำลายใน Killing zone ที่กำหนดไว้
หลักคิดนี้กองทัพเวียดกงเคยประสบสำเร็จในการหลอกล่อกองทัพทหารอเมริกัน มาทำลายในหลุมรูอุโมงค์ใต้ดิน สูญเสียถึงกว่า 50,000 ราย จนแพ้สงคราม 18 ปีมาแล้ว
หลักนิยมกองทัพรัสเซียสมัยใหม่ ทำให้การรบผ่านไปเวลานาน ก็อาจไม่คืบหน้าเชิงพื้นที่นัก แต่จุดต่างอยู่ตรงที่ทำลายฝ่ายตรงข้ามได้มากมายชนิดนับกันไม่หวาดไม่ไหว จนหมดปัญญาจะตามไปเก็บซากเปื่อยยุ่ยในแนวหน้า เพราะกองทัพรัสเซีย ประเคนจัดหนักใส่แบบไม่ลืมหูลืมตาด้วยปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง อากาศยานโดรน ขีปนาวุธ อัดเข้าไปตรงที่หลบซ่อนฝ่ายกองกำลังผสม
โดยปืนใหญ่ยักษ์ทิวลิป ของรัสเซียขนาด 240 มม. อานุภาพรุนแรงขนาดสามารถทะลวงผนังปูนหนา 3 เมตรพังทะลุได้เลย ร่างกายมนุษย์เจอแรงกระแทกบีบอัดอากาศเข้าไปอวัยวะภายในแตกละเอียดหมดทะลักออกทั้ง 5 ช่องเปิดของร่างกาย ซึ่งวิธีการนี้ดูเหมือนฝ่ายยูเครนยังไม่เรียนรู้บทเรียนราคาแพงลิ่วนี้
ยังคงไล่บังคับเกณฑ์ชาวยูเครนจากแคว้นต่างๆ มาเข้าสู่เครื่องบดเนื้อบัคมุท ส่งมาเท่าไรก็ระเหยหายไปอย่างไร้ก็ประโยชน์ โดยฝ่ายกองทัพรัสเซียไม่ต้องทำอะไรมากนัก คอยยิงอาวุธหนักอัดเข้าไปยังในหม้อต้มเนื้อที่เดือดเท่านั้น ทำให้ฝ่ายรัสเซีย มีเวลาว่างจัดทัพกำลังรบในแนวหน้าด้วยรถถัง T-14 Armata
แนวกลาง และแนวหลังเร่งขนย้ายรถถัง T-90M , T-72B3 และ T-62M จำนวนมากมาทางรางอย่างสบายอารมณ์ ไปที่เมืองเมลิโตปอล เมืองสำคัญทางบกในแคว้นซาโปริชเซีย ที่จะไปยังเขตแหลมไครเมีย
นายอาเรสตอวิช ที่ปรึกษาผู้นำยูเครน ระบุว่าหลังปี 2023 สหรัฐ อาจขับไสไล่ส่งทอดทิ้งยูเครนออกไปโดยไม่ให้เงินกู้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ยูเครน จะเหลืออาวุธต่อสู้ด้วยปืนกลเท่านั้น ขณะนี้ยูเครนใกล้หมดพลังงานจึงต้องย้อนยุคต้องงัดพิพิธภัณฑ์นำหัวรถจักรไอน้ำรุ่นคุณปู่มาใช้ในการลากตู้ขบวนรถไฟแล้ว
ขืนยูเครน ยังหลงกลถูกชาติตะวันตกหลอกใช้เป็นเครื่องมืออยู่แบบนี้ต่อไป ไม่ทันความเก๋าเกมส์ลูกพี่สหรัฐ และกลศึกรัสเซีย ปีหน้ากำลังพลผู้ใหญ่คงหมดสต็อค”