ฝรั่งเศสปั่นป่วนไม่แพ้เพื่อนบ้านในยุโรป ด้วยการชุมนุมประท้วงนับหมื่นในปารีสยืดเยื้อข้ามสัปดาห์ ก็ยังมาเกิดเหตุร้ายสะท้อนภาพสังคมปริแยก กรณีมือปืนบุกเดี่ยวยิงประชาชนในย่านชุมชนชาวเคิร์ด ที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เสียชีวิตอย่างน้อย ๓ ราย และได้รับบาดเจ็บอีก ๔ คน หลังเกิดเหตุชุมชนชาวเคิร์ดโกรธแค้นออกมาประท้วงทางการ ซ้ำเติมการเดินขบวนประท้วงไม่พอใจรัฐบาลและต่อต้านนาโต้ ที่ก่อหวอดมาก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงอลหม่านไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ALERTE – Fusillade à Paris : plusieurs blessés dans le 10eme arrondissement.
Police sur place. Un suspect interpelé. pic.twitter.com/mbQFl2a0vf
— Clément Lanot (@ClementLanot) December 23, 2022
วันที่ ๒๔ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และเอเอฟพีรายงานว่า ในเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงที่ศูนย์วัฒนธรรมของชาวเคิร์ด ร้านอาหารและร้านทำผมบริเวณย่านริวเดอร์แองเฮน (Rue d’Enghien) กรุงปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ๓ รายและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย ๔ คน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ ๖๙ ปี ได้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีประวัติเคยถูกจับกุมเนื่องจากทำร้ายผู้อพยพในศูนย์พักพิง จนท.เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุ และมูลเหตุจูงใจของผู้ก่อเหตุ
นอกจากนั้น ศาลตัดสินเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ชายคนดังกล่าวมีความผิดฐาน “แสดงออกอย่างรุนแรงด้วยการใช้อาวุธ” เมื่อปี 2559 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายที่เข้าร่วมการสืบสวนด้วยระบุว่า ยังไม่ปรากฏสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุมีแนวคิดก่อการร้าย แต่อาจเกี่ยวข้องกับความเกลียดชังและการเหยียดเชื้อชาติ
หลังจากเกิดเหตุมีการประท้วงของกลุ่มชาวเคิร์ดในพื้นที่ ซึ่งแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการปะทะกับตำรวจนานหลายชั่วโมง
ดูเหมือนว่าปัญหาหมักหมดของสังคมฝรั่งเศสกำลังปะทะออกมาพร้อมๆกัน ท่ามกลางความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ผู้นำบริหารผิดตามก้นวอชิงตันจนเกิดวิกฤตซ้ำซ้อนทั้งวิกฤตพลังงาน เงินเฟ้อ วิกฤตภาคอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน
จะสายเกินไปไหมที่ปธน.เอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศส(Emmanuel MacronX เรียกร้องให้ยุโรปพึ่งพา “สหรัฐฯ” น้อยลงในด้านความมั่นคง
ถ้อยแถลงต่อต้านอเมริกาของประธานาธิบดีฝรั่งเศสเริ่มปรากฏมากขึ้นหลังจากชาวปารีสหลายพันคนเข้าร่วมการชุมนุมพร้อมเรียกร้องให้ “ปลด Macron”, “ฝรั่งเศสต้องออกจาก NATO”, และ “การต่อต้านรัฐบาล” และสิ่งต่างๆ
ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์มองเดอร์(Monde) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ประกาศความตั้งใจในความเป็นอิสระมากขึ้นจากสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเขา แต่สำหรับทั้งยุโรป รวมถึงภายในนาโต้เองด้วย
ALERTE – Très violents affrontements à #Paris10 après le départ de @GDarmanin qui s’exprimait après la fusillade du centre kurde.
Policier blessé, gaz lacrymogène et projectiles. pic.twitter.com/vsMPSx2ad3
— Clément Lanot (@ClementLanot) December 23, 2022
มาครง กล่าวว่า“ยุโรปต้องปกป้องตัวเอง ยุโรปควรได้รับเอกราชทางเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ รวมทั้งเอกราชทางทหารด้วย”
ผู้นำฝรั่งเศสยังเรียกร้องไปถึงเพื่อนชาวยุโรปของเขาให้พัฒนาศักยภาพด้านการป้องกันของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพา NATO ไปซะทุกอย่าง นอกจากนี้ เขายังย้ำว่าการรับประกันความปลอดภัยไม่ควรครอบคลุมเฉพาะยูเครนและรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย มอลโดวา และอาร์เมเนียด้วย
การแสดงจุดยืนของมาครงยังคงสวนทางกับการส่งอาวุธและเงินให้ยูเครนอย่างย้อนแย้ง ขณะที่การคว่ำบาตรรัสเซียได้แผลงฤทธิ์ให้สมาชิกนาโต้ทั้งหลายและสหภาพยุโรปต่างต้องเจอบูมเมอแรงสงครามพลังงาน ทำเงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพกระฉูด การผลิตเดี้ยง เศรษฐกิจโดยรวมย่ำแย่ก้าวสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแซงหน้าสหรัฐฯตัวการยุ แล้วยังตลบหลังดึงภาคอุตสาหกรรมจากยุโรปย้ายฐานไปเมกาอีก
จนถึงวันนี้ การชุมนุมต่อต้านนาโต้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นตามท้องถนนในกรุงปารีสผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายของฝรั่งเศสที่มีต่อกลุ่มต่างๆที่นำโดยสหรัฐฯ และประณามการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียทำโลกปั่นป่วน
กลุ่มผู้ประท้วงพากันไปตามถนนในเมืองหลวงของฝรั่งเศสตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้วจนถึงวันนี้ เพื่อประท้วงนโยบายของฝรั่งเศสที่มีต่อรัสเซียและการเป็นสมาชิกนาโต้ของประเทศ การชุมนุมขนาดใหญ่จัดขึ้นโดยพรรคฝ่ายขวา Les Patriotes (ผู้รักชาติ) นำโดยฟลอเรียน ฟิลลิปโป (Florian Philippot) อดีตรองหัวหน้าพรรค National Rally ของมารีน เลอแปง (Marine Le Pen)
ฟิลิปโปต์จัดการประท้วงที่เรียกว่า “การต่อต้าน” ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้ฝรั่งเศสออกจาก NATO และ EU รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจและต่างประเทศของประธานาธิบดี Emmanuel Macron มีผู้ประท้วงถือป้ายที่มีข้อความว่า “ฝรั่งเศสต้องออกจาก NATO” “ต้องฟ้องร้องของมาครง” และ “การต่อต้าน!” พวกยังโบกธงชาติฝรั่งเศสและตะโกน ว่า “เออซูล่า หุบปาก!” เป็นการเฉ่งแสบถึงนางเออร์ซูล่า ฟอน เดอร์เลเยน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป
ราคาก๊าซและไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นในยุโรป เนื่องจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดโควิด-๑๙ ซ้ำเติมอีกจากการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อมอสโกว์เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน การจัดหาพลังงานของรัสเซียไปยังกลุ่มนั้นถูกบีบให้ลดลงอีก ท่ามกลางความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะกำจัดการนำเข้าพลังงานของมอสโกว์โดยสิ้นเชิงตามวาระวอชิงตัน