โลกยังอึ้ง! สหรัฐจนกว่าไทยเยอะ เงินทุนสำรองฯน้อยกว่ามาก! สุดซ้ำเจ้าหนี้กลัวชักดาบ แห่เทขายดอลลาร์มหาศาล

0

จากที่ชาติตะวันตกต่างสนับสนุนยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย ด้วยการให้ความช่วยเหลือทั้งอาวุธและเงินกู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งในการส่งเงินให้ จนประเทศตัวเองย่ำแย่ เป็นหนี้สินอย่างมากมาย

ขณะที่ Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่ไว้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ถึงกรณีหนี้สินของสหรัฐ โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับไทยไว้อย่างน่าชวนติดตามอย่างยิ่ง ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงที่สำคัญว่า

“ยามที่จะประเมินใครว่าเป็นเศรษฐีรวยจริงหรือไม่ ก็จะนำรายได้เขาทั้งหมด แล้วหักออกด้วยรายจ่าย จากนั้นก็พิจารณาสินทรัพย์ที่เขามี ถ้ารายได้สูงลิ่ว

แต่หักรายจ่ายที่เกินมากกว่ารายได้เกิน 100% แสดงว่าติดลบ ก็จะต้องกู้จนเกิดหนี้สินล้นพ้นตัว ย่อมจะมีสินทรัพย์น้อยหรือแทบไม่มีเลย เราจะเรียกเศรษฐีลักษณะนี้ว่า ไม่รวยจริง หรือ รวยเปลือกนอก ใช้เงินกู้ในอนาคต ไม่มีหลักประกันระยะยาวที่มั่นคง

ปัจจุบันสหรัฐฯ ก็มีสภาพนี้เช่นกัน แม้จะมีขนาดเศรษฐกิจ GPD รายได้มากที่สุดในโลก แต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หมดไปกับเรื่องต่างประเทศ

ส่งผลให้ติดลบตัวแดงราว 87,100 ล้านดอลลาร์/เดือน (3.0 ล้านล้านบาท) , สหรัฐ มีสินทรัพย์เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอันดับ 14 ของโลก มีน้อยกว่าไทยที่อันดับ 12 เสียอีก  หนี้สินสหรัฐ จึงพอกหางหมูมายาวนานหลายสิบปีจึงมาถึงระดับเกิน 31 ล้านล้านดอลลาร์ (1,200 ล้านล้านบาท) หรือติดลบสะสม -134% ของ GDP รายรับ

หนี้สินสหรัฐ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบพันธบัตร หุ้นกู้ ตราสารหนี้ แก่ญี่ปุ่น จีน รวมถึงไทยที่เป็นเจ้าหนี้สหรัฐ อันดับ 12 ของโลก จะพูดว่าไทยรวยจริง และฐานะการเงินมั่นคงกว่าสหรัฐ ก็คงไม่ผิดนัก

เหตุเพราะเงินกู้ของไทยมีสัดส่วนราว 61% ของ GPD โดยเป็นหนี้ต่างประเทศต่ำเพียง 2% อีก 98% เป็นหนี้ในประเทศในรูปแบบพันธบัตร หรือกู้ธนาคารรัฐวิสาหกิจ พูดง่ายๆ คือกู้เงินเสียดอกเบี้ยให้คนไทยรายย่อยมีกินมีใช้นั่นเอง ส่งผลให้ไทยมีเงินเหลือเก็บเป็นบวกราว +39% ต่อปี พอเก็บนานหลายปี จึงมีมากติดอันดับโลก

แต่สหรัฐ เป็นลูกหนี้ต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรัวๆ จ่ายให้เจ้าหนี้ เพื่อจะเอาเงินต้นเหล่านั้นมาใช้ไปวันๆ คล้ายๆ วงแชร์ที่ยอมเปียแชร์ทุ่มให้ดอกเบี้ยแพงๆ เพื่อจะเอาเงินแชร์ไปใช้ โดยไม่สนว่าอนาคตจะมีเงินผ่อนส่งคืนไหวหรือไม่

สภาพสหรัฐปัจจุบันคืออยู่ในสถานะนี้ ทำให้บรรดาเจ้าหนี้รายใหญ่เช่น จีน ญี่ปุ่น กลัวว่าจะโดนชักดาบ ปีนี้จึงพากันเทกระจาดขายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศดอลลาร์กันมหาศาล เพื่อลดความเสี่ยงไม่ได้เงินคืนไม่ได้หมายความว่าทรัพย์สินจีนน้อยลง เพราะเงินที่ขายสินทรัพย์ดอลล่าร์เหล่านั้นจีนเอาไปซื้อทองคำกักตุนในมูลค่าเดิม เพราะทองคำยามสงครามขนาดใหญ่ก็มีค่ามากกว่าเงินที่อาจมีค่าพอๆ กับกระดาษธรรมดา

เหตุการณ์นี้เคยเกิดมาแล้วช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เงินกระดาษที่มีใส่ลังไว้ก็ซื้ออะไรกินแทบไม่ได้ แต่ทองคำแค่ข้อเดียวยังแลกของกินของใช้ได้มากมาย ในยามสงครามมีเงินมากแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับมีทองคำเพียงเล็กน้อยติดตัว

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวปีนี้ที่ใช้ได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น  เพราะรัฐบาลถังแตก จึงช่วยให้รัฐบาลไบเดน รอดพ้นจากการต้องหยุดจ่ายเงินเดือนภาครัฐ และหยุดการทำงานบางส่วน เนื่องจากไม่มีงบประมาณใช้

แต่ปัญหาคือร่างงบประมาณนี้จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถทำงานต่อไปได้อีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เส้นตายต่อไปคือวันที่ 23 ธันวาคม นี้ โดยรัฐสภาสหรัฐฯ จะต้องพิจารณาว่า จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีหน้า 2023 จำนวนมหาศาลถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์  (58.8 ล้านล้านบาท) หรือไม่

ถ้าฝ่ายค้านและรัฐบาลตกลงล็อบบี้กันไม่ได้ ก็จะใช้วิธีอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้นต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ทำไปเรื่อยๆ แบบว่าหาเช้ากินค่ำประมาณนั้น ผลที่ตามมาคือ ส.ส. , ส.ว.ชุดใหม่ของสหรัฐฯ ที่มาจากการเลือกตั้งกลางเทอมเดือนที่ผ่านมา ก็จะเริ่มทำงานวันแรกในวันที่ 3 มกราคม 2023 ปีหน้าทันที

ดังนั้นสิ่งที่ประธานาธิบดีไบเดนต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ ตัวช่วยจากลูกหนี้ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่นายใหญ่จอมกู้ในตำนาน ประธานาธิบดีเซเลนกี้ ผู้นำยูเครน ที่กู้อาวุธไปแล้วกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์ (2.42 ล้านล้านบาท)”

 

Cr.https://www.blockdit.com/world.update

Cr.https://www.blockdit.com/posts/63a32104b7eb7920cab6a0c7?fbclid=IwAR3WOxVPC3XwtbsCBOggxxE9xDFjBKh61mklGPbHNUhG5nBRZUs4u5tEZr8

Cr. https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454