จากที่สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงาน ผู้นำของเยอรมนีและฝรั่งเศสบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า สหภาพยุโรปจะต้องตอบโต้สหรัฐฯ หากลดภาษีตามแผนและผลประโยชน์ด้านพลังงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมบริษัทต่างๆให้ย้ายการผลิตไปในสหรัฐนั้น
ทั้งนี้เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก (Politico) ระบุว่า นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์(Olaf Scholz) แห่งเยอรมนี และประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ต่างกังวลเกี่ยวกับกฎหมายลดเงินเฟ้อของทำเนียบขาว ซึ่งพวกเขา มองว่า เป็น “ผู้ปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์เฉพาะสหรัฐอเมริกา”
ล่าสุดวันที่ 18 ธันวาคม 2565 Blockdit WorldUpdate ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่ถึงกรณีสหรัฐที่มีชาติยุโรปออกมาส่งเสียงคัดค้านอีกหนึ่งประเทศพร้อมทั้งเรียกร้องว่า https://www.blockdit.com/world.update
“ปี 2021 อิตาลี มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป แต่สิ่งนั้นได้กลายเป็นอดีตแห่งความทรงจำอีกครั้งเมื่ออิตาลีตัดสินใจผิดพลาดซ้ำสอง
ปี 2022 อิตาลี คว่ำบาตรรัสเซีย และส่งอาวุธเงินกู้ไปติดหล่มสงครามในยูเครน ผลคือเศรษฐกิจอิตาลีพังทลายครืนลงจากวิกฤติพลังงานแพง อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ม็อบชาวอิตาลีออกมาไล่รัฐบาลยาวนานหลายเดือน จนรัฐบาลล้มคว่ำนายกรัฐมนตรีลาออก ต่อมารัฐบาลต้องกู้เงินมหาศาลเพื่อพยุงราคาพลังงาน และพรรคร่วมรัฐบาลเสียงแตก
การเมืองระส่ำระสายวุ่นวาย ประธานาธิบดีต้องยุบสภา จัดการเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังคงนโยบายเดินตามสหรัฐฯ ติดหล่มสงครามยูเครน เหมือนเดิม ม็อบชาวอิตาลีก็ขย่มต่อไม่เว้นแต่ละวัน สังคมเดือดร้อนวุ่นวาย
ล่าสุดนาย Giancarlo Giorgetti รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอิตาลี โอดครวญตาสว่างว่า “สหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามต่ออิตาลี” ที่ออกกฎหมายว่าด้วยการลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (Inflation Reduction Act : IRA)
ที่ทุ่มงบประมาณมูลค่า 430,000 ล้านดอลลาร์ (14.8 ล้านล้านบาท) เพื่อลดหย่อนภาษีบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานในสหรัฐฯ ซึ่งจัดเป็นกฎหมายกีดกันทางการค้าทุบทำลายเศรษฐกิจยุโรปไม่ยอมให้แข่งขันได้
เขาระบุว่า “บริษัทอิตาลีบางแห่งกำลังพิจารณาที่จะปิดกิจการในชาติ แล้วย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ และนั่นจะกลายเป็นหายนะภาคอุตสาหกรรมของพวกเรา”
กฎหมายสหรัฐฯ นี้จะล่อลวงธุรกิจของสหภาพยุโรป และทำให้บริษัทในยุโรปเสียเปรียบ ตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์ไปจนถึงผู้ผลิตเทคโนโลยีสีเขียว จึงขอเรียกร้องให้สหภาพยุโรป ลุกขึ้นสู้กับสหรัฐ และตอบโต้อย่างจริงจังต่อกฎหมายดังกล่าวที่เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป และเข้าข่ายละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ
สหภาพยุโรป เคยส่งผู้นำฝรั่งเศสไปเจรจากับสหรัฐฯ ในกฎหมายนี้แล้ว แต่สหรัฐ ไม่ยอมผ่อนปรน และไม่ขอโทษ พร้อมชนตาต่อตา ฟันต่อฟันกับสหภาพยุโรป เพราะสหรัฐฯ รู้ดีว่ายุโรป ตัดขาดพลังงานรัสเซียแล้ว และติดหล่มสองครามยูเครน จึงไร้อำนาจต่อรองใดกับสหรัฐฯ ที่จะทำอย่างไรกับยุโรปก็ได้เพราะสามารถ “ใช้พลังงานเป็นอาวุธ” ข่มขู่ยุโรป
สหรัฐฯ ไม่เคยปฏิบัติกับยุโรปในฐานะมิตร เพียงใช้ยุโรป เป็นบันไดเหยียบนำไปสู่การครองโลกด้วยระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว แข่งกับจีนเท่านั้นเอง
อิตาลี และยุโรป กำลังโดนสหรัฐ เล่นงานอย่างจังเข้าให้แล้ว และจะถูกแย่งชิงภาคอุตสาหกรรมจากไปต่อหน้าต่อตา เป็นศัตรูสหรัฐฯ อาจอันตราย แต่เป็นบริวารสหรัฐฯ ไม่รอดแน่นอน”
Cr. https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454