สถานการณ์สู้รบในยูเครน วันนี้เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า รัสเซียกำลังรบกับสหรัฐและพันธมิตรนาโต้ในทางปฏิบัติ และรัสเซียพร้อมลุยเต็มที่ ล่าสุดรัฐมนตรีกลาโหม เซอร์เก ชอยกู กล่าวในการประชุมคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยมีปธน.ปูตินเข้าร่วมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “รัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง เซอร์คอน(Tsirkon) ที่ล้ำสมัยให้กับกองทัพเรือรัสเซียเพิ่ม และเติมเต็มขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค คินซาลหน่วยรบทางอากาศเต็มพิกัด”
พลเรือเอก กอร์สคอฟ แห่งกองเรือแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ยืนยันว่า “ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon ทางทะเลชั้นแนวหน้า ผ่านการเตรียมพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนเริ่มปฏิบัติภารกิจในมหาสมุทรทั่วโลก”
เรือฟริเกตแอดมิรัล คอชคอฟ (Admiral Gorshkov) ซึ่งติดอาวุธด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเซอร์คอนจะเริ่มออกปฏิบัติการลาดตระเวนรบในต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๖ เซอร์คอนนั้นสามารถพัฒนาความเร็วได้ประมาณ ๙ มัคและมีความสามารถในการโจมตีระยะไกลเกิน ๑,๐๐๐ กม.
รมว.กลาโหมยังกล่าวด้วยว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ โบรี-เอ เจเนอราลิสซิมัส ซูโวรอฟ (Borei-A Generalissimus Suvorov) ติดอาวุธขีปนาวุธบูลาวา (Bulava) ได้เข้าประจำการกับกองทัพเรือรัสเซียพร้อมใช้งานแล้ว
วันที่ ๒๒ ธ.ค. สำนักข่าวทาซซ์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินกล่าวว่า “วันนี้ปรากฎชัดว่า ศักยภาพทางทหารของเกือบทุกประเทศในกลุ่มนาโต้ถูกใช้อย่างแข็งขันเพื่อต่อต้านรัสเซีย และมอสโกว์จะต้องปรับปรุงความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบอาวุธ ประสบการณ์ และยุทธวิธีของกลุ่มชาติตะวันตก เพื่อปรับปรุงศักยภาพการต่อสู้ของกองทัพรัสเซียให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้นเหนือศัตรู”
ปูตินกล่าวว่า “มันคล้ายกับในช่วงต้นทศวรรษ ๒๐๐๐ พวกเขาใช้ผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย และไม่ขอโทษเกี่ยวกับสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาทำ พวกเขาเป็นผู้ก่อการร้าย ผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจากพวกตะวันตก เพราะพวกเขาใช้มันเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย เหมือนกับที่นี่ที่ยูเครนนีโอฯถูกใช้เพื่อต่อสู้กับรัสเซียและพวกเขาไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านี้เป็นนีโอฯแต่เราสนใจ”
เจ้าหน้าที่รัสเซีย สื่อตะวันตกและผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้กล่าวยอมรับถึงความขัดแย้งในยูเครนว่าเป็นสงครามตัวแทนระหว่างตะวันตกและรัสเซีย สหรัฐฯ และพันธมิตรได้เทความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ฝึกทหารนับหมื่น และให้การสนับสนุนด้านข่าวกรองและการวางแผนระดับยุทธศาสตร์แก่เคียฟ แม้จะยืนยันไม่ต้องการปะทะโดยตรงกับรัสเซียพูดอย่างทำอย่างมาโดยตลอด
ปูตินกำชับว่า “ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกองกำลังของ NATO วิธีการที่ใช้อย่างแข็งขันในปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน เพื่อต่อต้านเรานั้นเป็นที่ทราบกันดี คุณมีข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่ก่อนแล้ว และจะต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน และ ใช้ในการสร้างกองกำลังติดอาวุธของเราเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสู้รบของกองทหาร เช่นเดียวกับบริการพิเศษด้านอื่นๆของรัสเซีย”
ปูตินสั่งให้กระทรวงกลาโหมและเจ้าหน้าที่ทั่วไป “วิเคราะห์” ประสบการณ์การสู้รบอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับ จากปฏิบัติการทางทหารในยูเครนอย่างรอบคอบ เพื่อ “จัดระบบอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และรวมไว้ในโปรแกรมและการวางแผนสำหรับการฝึกอบรมบุคลากร กองกำลังโดยรวมและจัดหากองกำลังด้วยยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น”
ประธานาธิบดียังชี้ให้เห็นถึง “ทรัพยากรที่สำคัญ” ที่สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้ไปกับข้อมูลและการทำสงครามจิตวิทยากับรัสเซีย รวมถึงการตีพิมพ์ข่าวปลอม หลายพันชิ้นในสื่อสิ่งพิมพ์และอินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์ของตะวันตก ในขณะที่ปกปิด อาชญากรรมสงครามที่ดำเนินการโดยฝ่ายยูเครน
ปูตินกล่าวว่าฝ่ายตรงข้ามทางภูมิรัฐศาสตร์ของมอสโกว์ใช้ ทุกอย่างที่ไม่ได้ผูกมัดไม่เลือกวิธีการกับรัสเซีย รวมถึงความพยายามที่จะล้างสมองประชากรของยูเครนและสาธารณรัฐอื่นๆ ในยุคหลังโซเวียต หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 2534 กระบวนการนี้ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ เขากล่าวว่ารัสเซียพยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ “ศิวิไลซ์” แต่ในไม่ช้าก็ได้เรียนรู้ว่า “ไม่จำเป็นต้องคาดหวังความศิวิไลซ์ไว้ที่ตะวันตกอีกต่อไป เราจะสร้างศิวิไลซ์ด้วยตัวของเราเอง”
ปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงสร้างศักยภาพทางทหารตามแบบแผนต่อไป ขณะเดียวกันก็สนับสนุนและปรับปรุงอาวุธนิวเคลียร์ทั้งสามกลุ่มให้ทันสมัย เพื่อเป็นหลักประกันหลักในอธิปไตยของประเทศ และวิธีการที่รัสเซียจะช่วยรักษา “ความเสมอภาคทางยุทธศาสตร์และความสมดุลโดยรวม” เพื่อมีอำนาจและศักดิ์ศรีในโลกใบนี้”
ท่ามกลางกระแสข่าวโหมกระหน่ำ กรณีเซเลนสกี้เยือนวอชิงตันและได้รับการต้อนรับอย่างโอ่อ่าจากปธน.ไบเดนแห่งสหรัฐฯ พร้อมยังได้แถลงแก่รัฐสภาฯของอเมริกาประหนึ่งคนสำคัญยิ่งของมะกัน อดีตปธน.รัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ได้เยือนปักกิ่งพบหารือกับ “สีจิ้นผิง” หักปากกาเซียนที่เสี้ยมว่าจีนกำลังจะเทรัสเซีย
ปธน.สี จิ้นผิง ต้อนรับและพบหารือกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธที่ผ่านมาโดยไม่ให้รายละเอียดประเด็นการสนทนา แต่สื่อต่างมั่นใจว่าไม่พ้นเรื่องยูเครน และการเคลื่อนไหวกระตุ้นสงครามของสหรัฐในเอเชีย-แปซิฟิค
ผู้นำจีน และผู้นำรัสเซีย ได้พบหารือกันนอกรอบการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ที่เมืองซามาร์กันด์ ในอุซเบกิสถาน เมื่อกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองประเทศหารือกันแบบพบหน้าตัวต่อตัว ตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุ ซึ่งผู้นำจีน กล่าวว่า “พร้อมมอบความสนับสนุนอย่างเต็มที่” ต่อความพยายามรักษาแกนกลางผลประโยชน์ของรัสเซีย โดยเฉพาะในมิติความมั่นคง
การที่มีข่าวว่าปูตินนัดเจอกับสี จิ้นผิงทำโลกและสื่อตะวันตกตาโต ก็อาจเป็นการพบกันทางโทรศัพท์หรือวีดิโอลิงค์ก็เป็นได้ เป็นมาตรการความปลอดภัยที่ทำสหรัฐและพวกหัวปั่นไม่น้อย หรือถ้าจะพบกันจริงที่ไหนสักแห่งย่อมไม่บอกเมกาอยู่แล้ว!!??