คนไทยลุกฮือ จี้ มข.จัดการ “ยาใจ ทะลุฟ้า” ชูสามนิ้วต่อหน้าพระพักตร์!พบโดนคดีเพียบ-แถมติดกำไลอีเอ็ม

0

คนไทยลุกฮือ จี้ มข.จัดการ “ยาใจ ทะลุฟ้า” ชูสามนิ้วต่อหน้าพระพักตร์!พบโดนคดีเพียบ-แถมติดกำไลอีเอ็ม

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (20 ธันวาคม 2565) ทางเพจ ทะลุฟ้า – Thalufah ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ “ยาใจ ทะลุฟ้า” ได้ชูสามนิ้ว ระหว่างรับพระราชทานปริญญาบัตร ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยบอกว่า 

ยาใจ-ทะลุฟ้าแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชูสามนิ้ว ระหว่างเข้าพิธีรับปริญญา ณ หอกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ช่วงการถ่ายทอดสดในบรรยากาศการรับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ถูกตัดไปในช่วงการเข้ารับของคณะนิติศาสตร์ และเกิดคําถามมากมายจากผู้ที่ติดตามไลฟ์สดด้วยความสงสัยว่าเกิดเหตุขัดข้องอะไรเกิดขึ้น
ทั้งนี้มีการชี้แจ้งผ่านยูทูปจากคนภายในว่าน่าจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หลังจากนั้นไม่นานทางช่องยูทูปของมหาลัยได้ทําการ ปิดคอมเม้นท์พร้อมทั้งประกาศภายในว่า ‘ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย’ เราจะดำเนินพิธีการต่อ
มันมีเด็กหนุ่มคนกล้าที่บ้าฝัน ได้ชู3นิ้ว ในการเข้ารับปริญญา มันเกิดขึ้นแล้วทุกคน เมื่อการเรียกร้องที่ผ่านมาไม่ถูกรับฟัง เมื่อประชาชนไม่ใช่เจ้าของประเทศ นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและเราจะไม่ยอมแพ้ |||
ประยุทธ์ออกไป เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก112 #ศักดินาจงพิพาศประราษฏรจงเจริญ #ทะลุฟ้า #รับปริญญามข
อย่างไรก็มีรายงานว่า หลังจากเสร็จพิธี นายทรงพลได้บอกว่า เขาได้เดินไปหาญาติที่มาร่วมแสดงความยินดี มีตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายเข้ามาถ่ายรูป และมีเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้เชิญพ่อและแม่ของนายทรงพลออกไปพูดคุย พร้อมกับบอกว่า ทำแบบนี้ไม่เหมาะสม และขอให้ทางครอบครัวช่วยตักเตือนด้วย
ทั้งนี้ ก็มีชาวเน็ตหลายคนได้แสดงความคิดเห็นถึงพฤติกรรมดังกล่าว โดยบอกว่า ยาใจ ทะลุฟ้า ชู 3 นิ้วในการชุมนุม

1 ในความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ลูกเรียนจบมหาวิทยาลัยขอนแก่น รับพระราชทานปริญญาบัตร แต่ลูกชู 3 นิ้วกีบ ในวันพิธีสำคัญ บริษัทไหน รับคนจัxไรเข้าทำงาน จงพบแต่ความพินาศฉิบหาย
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ยาใจ ทะลุฟ้ากับพวก ได้ร่วมกันชุมนุมเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หน้าสน.ทุ่งสองห้อง โดยไม่จัดให้ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และไม่มีการจัดให้มีการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคของบุคคลผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง

ทั้งยังใช้สีสาดใส่ป้าย ผนัง ตึกอาคาร สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งเป็นทรัพย์สาธารณะประโยชน์ได้รับความได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท อันเป็นการทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีจตุภัทร์เป็นผู้สั่งการ ผ่านเครื่องขยายเสียงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ในการพูดจาชักชวน ยุยง ส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมกระทำการดังกล่าว

และต่อมา ศาลไม่ให้ประกัน ทรงพล สนธิรักษ์ กรณีสาดสีหน้า สน. ทุ่งสองห้อง โดยศาลระบุ พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ทั้งก่อเหตุซ้ำหลายคดี จึงยกคำร้อง

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวนักกิจกรรม ซึ่งนายทรงพลได้เบิกความว่า ตนเองเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชั้นปีที่ 5 ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมการสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง นั้น ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา โดยยืนยันว่าเพียง ‘ไปรอรับเพื่อนเท่านั้น’

ในเรื่องที่ศาลกังวลว่าหากปล่อยตัวไปแล้วเกรงว่าจะหลบหนีนั้น ทรงพลได้เบิกความไว้ว่า ขณะนี้ตนถูกจัดว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 สูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกไปแล้ว ก็จำเป็นจะต้องทำการกักตัวอีกเป็นเวลา 14 วัน และหากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง ก็ต้องทำเข้ารับการรักษาต่อไป จึงทำให้ไม่สามารถออกไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่นได้อย่างแน่นอน และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ทรงพลยินยอมที่จะติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) และจะไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ศาลได้กล่าวว่า การติด EM เป็นสิทธิและความยินยอมของจำเลย ซึ่งจะติดหรือไม่ก็ได้ โดยหากมองว่าการติด EM จะกระทบและเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิต ก็สามารถเลือกวิธีแต่งตั้งผู้กำกับดูแลแทนก็ได้