ทำเนียบขาวและโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี ระบุว่าการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านนั้น“ไม่ใช่จุดสนใจของเราในตอนนี้” หลังจากวิดีโอที่ไม่ได้รับการยืนยันของปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ที่เรียกแผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ หรือJCPOAซึ่งเป็นสนธิสัญญาควบคุมนิวเคลียร์อิหร่าน ว่า “มันตายแล้ว แต่เราจะไม่ประกาศ”ถูกเผยแพร่ทางออนไลน์
بایدن: برجام مُرده.
در ویدئویی که به دستم رسیده، بایدن صریحاً میگوید به #برجام بازنمیگردد، ولی دولت آمریکا فعلاً اعلام نخواهد کرد.
این ویدئو که برای اولین بار منتشر میشود، حاشیهی رویداد انتخاباتی ۴ نوامبر در کالیفرنیا را نشان میدهد.
با زیرنویس فارسی و انگلیسی#انقلاب۱۴۰۱ pic.twitter.com/OerHZav9Kb
— دامون مقصودی (@DamonMaghsoudi) December 20, 2022
นั่นหมายถึงว่าสหรัฐฯไม่ได้มีความตั้งใจจะเจรจากับอิหร่านแต่อย่างใด เพราะวีดิโอทีถูกเอามาแฉเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเลือกตั้งกลางเทอม และเป็นท่าทีที่ตอบสนองตามคำเรียกร้องของอิสราเอลว่าไม่ให้เจรจา เพราะอิสราเอลเตรียมแผนถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิหร่านอยู่แล้ว และต่อมาสหรัฐฯก็ได้เปิดเผยงบประมาณที่จะร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่านอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งได้ผลักดันให้นานาชาติผ่านสหประชาชาติลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม และล่าสุดใช้เวทีสหประชาชาติขับไล่อิหร่านออกจาก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านสตรีได้สำเร็จ
JCPOA เป็นข้อตกลงระหว่างสมาชิกถาวรห้ารายของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับเยอรมนีด้านหนึ่ง และอิหร่านอีกด้านหนึ่ง ในเดือนกรกฎาคม ๒๐๑๕ เมื่อบารัค โอบามา เป็นปธน.สหรัฐฯ และไบเดน เป็นรองปธน. ข้อตกลงดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อยกเลิกการคว่ำบาตรของสหประชาชาติต่ออิหร่านเพื่อแลกกับการกำกับดูแลโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานอย่างเข้มงวด
ในเดือนพ.ค. ๒๐๑๘ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากโอบามาได้ปฏิเสธข้อตกลงเพียงฝ่ายเดียวในนามของสหรัฐฯ ไบเดน ซึ่งเข้ามาแทนที่ทรัมป์ในปี ๒๐๒๑ พยายามอย่างเป็นทางการที่จะรื้อฟื้น แต่การเจรจากับตัวแทนของอิหร่านไม่ประสบผลสำเร็จ ความคิดริเริ่มล่าสุดในการกอบกู้ข้อตกลงคือการประนีประนอมที่เสนอโดยสหภาพยุโรป เริ่มตั้งแต่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งสวนทางกับวอชิงตันที่เมินเฉยตามคำขอของอิสราเอล
วันที่ ๒๑ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและอัลจาซิรา รายงานว่าการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอิหร่านเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงJCPOAยังคงดำเนินต่อไปในกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย แม้ว่าคณะผู้แทนของสหรัฐฯจะไม่ได้เข้าร่วมโดยตรงตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด ฮุสเซน อมิราบดอลเลาะห์เฮียน(Hossein Amirabdollahian) รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน และ โจเซฟ บอร์เรลล์(Josep Borrell) หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปนั่งลงประชุมครั้งที่สองของการประชุมแบกแดด เพื่อความร่วมมือและหุ้นส่วนซึ่งจัดโดยกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ผู้เจรจาระดับสูงของอิหร่านในการเจรจานิวเคลียร์ อาลี บาเกรี คานี และผู้ประสานงานของกลุ่ม เอ็นริเก โมรา ก็เข้าร่วมด้วย Borrell เขียนบน Twitter หลังการประชุมว่าเป็นการพูดคุยที่ “จำเป็น”
สหรัฐฯ อิสราเอล และประเทศตะวันตกอื่นๆ กล่าวหาว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะมีไว้สำหรับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเตหะรานไม่เคยคิดจะทำอาวุธนิวเคลียร์ เพราะอิสลามห้ามในฟัตวาห์หรือการตัดสินทางศาสนา แต่อิสราเอลและพวกไม่เคยสนใจเพราะตั้งต้นอิหร่านในฐานะศัตรูเบอร์หนึ่งมาโดยตลอด
อิหร่านได้คว่ำบาตรกลับต่อสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นอีกประเทศที่ลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ร่วมกับจีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี และได้กล่าวหาว่าชาติตะวันตกอยู่เบื้องหลังความไม่สงบของประเทศ อย่างไรก็ตาม Borrell ได้กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ประเด็นการประท้วงและยูเครนจำเป็นต้องแยกออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ เนื่องจากอียูไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า JCPOA เพื่อให้แน่ใจว่าอิหร่านจะไม่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
คณะผู้แทนจากหน่วยเฝ้าระวังนิวเคลียร์ทั่วโลก นำโดยรองผู้อำนวยการมัสซิโม อาปาโร อยู่ที่กรุงเตหะรานเมื่อวันอาทิตย์ และจัดการประชุมกับโมฮัมหมัด เอสลามี หัวหน้าฝ่ายนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศ ทั้งหน่วยงานและเตหะรานไม่เปิดเผยรายละเอียดของการประชุม
ทางด้านสหรัฐฯ วิลเลียม เบิร์นส์ อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ความร่วมมือกันระหว่างอิหร่านกับรัสเซียคือภัยคุกคามโลก และที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเพราะกรณีนี้และกรณีสิทธิมนุษยชน
บรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลายที่หนุนก้นยูเครนกล่าวหาอิหร่านว่าเป็นแนวร่วมส่งอาวุธให้รัสเซียไปซัดยูเครนเป็นเรื่องผิด แต่สหรัฐ-นาโต้ประเคนเงินส่งอาวุธให้ยูเครนกลับเป็นเรื่องชอบธรรม ตรรกะวิปริตของตะวันตกเผยโฉมมากขึ้นทุกวัน
นาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน โต้กลับแสบจี๊ดว่า “คำกล่าวหาของสหรัฐและตะวันตกเป็นแค่สงครามโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาลอยๆ อยู่แบบนี้หลายหนแล้ว และเตหะรานยอมรับว่าขายโดรนให้แก่รัสเซียจริง แต่ให้ไปก่อนรัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์
อืหร่านฟาดกลับอย่างไม่แคร์ว่า เตหะรานไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร ในการยกระดับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ความร่วมมือระหว่างอิหร่านกับรัสเซียด้านกลาโหม ถูกยกระดับภายในกรอบของผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศที่ ๓
สถานการณ์คุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯ-อิสราเอล-อิหร่านนับวันตึงเครียดมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมากอ่น ซึ่งยิ่งทำให้อิหร่านและรัสเซียได้พัฒนาความสัมพันธ๋ในทุกด้านแนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง การที่สหภาพยุโรปยังเล่นบทตัวกลางเจรจาเพื่อหวังปลดนุกส์อิหร่านให้ได้เป็นเรื่องสวนทางสหรัฐฯ แต่ถ้าเงื่อนไขเอาเปรียบเกินไปอิหร่านคงไม่ตกลง ที่สำคัญไม่ได้หมายความว่าอิหร่านจะเลิกพัฒนาอาวุธชั้นสูงเพื่อป้องกันตัวเองที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์!!!