ใกล้เทศกาลปธน.ปูตินเดินสายพบมิตรร่วมรบอย่างเบลารุส ประกาศยกระดับสนับสนุนอาวุธชั้นสูง และเน้นว่าเป็นการป้องปรามหากศัตรูไม่จู่โจมก็ไม่ใช้ ขณะเดียวกันก็เตรียมหารือกับปธน.สี จิ้นผิงก่อนสิ้นปี และร่วมฝึกซ้อมรบครั่งใหญ่สัปดาห์หน้า สะท้อนชัดว่า พันธมิตรคนสำคัญปูตินยังเหนียวแน่นและต่างอ่านเกมขาดว่า สหรัฐจะเล่นไม้ไหนต่อไป แม้ในทางการทูตยังคงเปิดเส้นทางการเจรจาสงบศึก แต่ในทางการทหารไม่ประมาทเตรียมพร้อมสู้ศึกทุกเมืองทั้งสามเหล่าทัพ ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปีก็ได้ร่วมซ้อมรบทางบกอย่างคึกคักมาแล้ว ต่อไปก็ถึงคิวทางทะเล ที่คาดว่าจะขนเครื่องไม้เครื่องมือมาซ้อมรบอย่างเต็มที่
วันที่ ๒๐ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศตอกย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรัฐสหภาพรัสเซียและเบลารุส
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความสำคัญขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม ซึ่งเป็นกลุ่มความมั่นคงที่นำโดยรัสเซียจะมีบทบาทอย่างมากในการเผชิญความท้าทายใหม่ๆ
ลาฟรอฟให้สัมภาษณ์ทีวีของเบลารุส เขากล่าวว่า “ผู้นำรัสเซียและเบลารุสพบปะกันเป็นประจำ พวกเขาพบกันหลายครั้งในปีนี้ การประชุมที่เกิดขึ้นดังกล่าวจัดทั้งในรูปแบบทวิภาคีพิเศษและบนขอบของเหตุการณ์พหุภาคี ในระหว่างเครือรัฐเอกราชหรือ CIS องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงโดยรวมหรือ CSTO สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย หรือ EAEU องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO เป็นหลักฐานของการวางแนวทางของเราในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรัฐ เป็นความจำเป็นที่เพิ่มขึ้น”
เขายังกล่าวถึงความสำคัญขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม CSTO ซึ่งเป็นกลุ่มความมั่นคงที่นำโดยรัสเซียว่า “เราต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ในกลไกที่สมาชิกสหภาพทั้ง ๒๘ ประเทศคาดการณ์ไว้ และความเป็นไปได้เพิ่มเติมภายใต้โครงการบูรณาการอื่น ๆ ในดินแดนของอดีตสหภาพโซเวียต เช่นสหภาพยูเรเซีย (EAEU), CIS และ CSTO ซึ่งควรเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความสามัคคีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเมื่อเผชิญกับ ‘การโจมตี’ ต่อระเบียบโลกตามกฎบัตรสหประชาชาติ”
การเดินทางพบกันของสองผู้นำเป็นที่จับตาของสหรัฐและพวก ตลอดจนทั่วโลกมาก ปธน.ปูตินกล่าวชัดว่า จะเพิ่มความร่วมมือทางทหารกับพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด และจะจัดให้มีการซ้อมรบทางทหารกับเบลารุสมากขึ้น
ปธน.รัสเซียเปิดเผยว่ามอสโกว์และมินสค์ได้เปิดใช้งานระบบป้องกันและเตือนภัยทางอากาศแบบบูรณาการแล้ว และในไม่ช้ารัสเซียจะฝึกนักบินจากเบลารุสบนเครื่องบินที่ดัดแปลงเพื่อใช้”กระสุนพิเศษ” “เราจะดำเนินการฝึกร่วมตามปกติต่อไปและมาตรการอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความพร้อมทางทหารของทั้งสองประเทศ”
ปธน.อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก Alexander Lukashenko ขอบคุณปธน.ปูตินสำหรับการส่งมอบอาวุธใหม่ตามที่มอสโกสัญญาไว้ ขณะนี้มินสค์ติดอาวุธด้วยขีปนาวุธอิสคานเดอร์ (Iskander) และได้รับการป้องกันโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400
เบลารุสจะเข้ารับตำแหน่งประธานแบบหมุนเวียนขององค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม หรือที่รู้จักกันในนาม CSTO ในเดือนมกราคม ๒๕๖๖ กลุ่มพันธมิตรทหารที่นำโดยรัสเซียยังรวมถึงอาร์เมเนีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน
การหารือกันระหว่าง ลูกาเชนโก และปูติน มีประเด็นสำคัญคือ
-สิ้นปีนี้ รัสเซียและเบลารุสจะมีมูลค่าการค้าถึง ๔ หมื่นล้านดอลลาร์ เรียกว่าต้องรวยไว้ก่อน ท้องอิ่มจึงรบได้
-ทั้งสองประเทศพึงพอใจกับวิธีการและแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ร่วมกัน พร้อมยกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทางเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง
-ระบบเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ มีความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเบลารุสอย่างยั่งยืน
-ปูตินเน้นย้ำว่า รัฐรัสเซียพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ในเบลารุส รวมถึงด้านวิทยาศาสตร์ และการฝึกอบรมบุคลากร
-รัสเซียและเบลารุสมีแผนความร่วมมือด้านอวกาศร่วมกันและจะเริ่มทันทีต้นปีหน้า
ขณะเดียวรัสเซียก็เดินหน้าซ้อมรบร่วมทางทะเลกับพันธมิตรชิดใกล้อย่างจีน และผู้นำทั้งสองมีแผนจะหารือกันปลายปีนี้ โดยเรือรบรัสเซียได้ออกเดินทางเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบกับจีน เป็นการฝึกที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศในขณะที่เผชิญความตึงเครียดกับสหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า “เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธวาริแย๊ก (Varyag), เรือพิฆาตมาร์แชล ชาปอชนิคอฟ (Marshal Shaposhnikov) และเรือลาดตระเวนสองลำของกองเรือแปซิฟิกของรัสเซียจะเข้าร่วมการซ้อมรบในทะเลจีนตะวันออกตั้งแต่วันพุธพรุ่งนี้”
กองทัพเรือจีนวางแผนที่จะส่งเรือรบผิวน้ำหลายลำและเรือดำน้ำ ๑ ลำสำหรับการฝึกซ้อม เครื่องบินของรัสเซียและจีนจะเข้าร่วมการฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน
จีนซึ่งประกาศมิตรภาพแบบ “ไร้ขีดจำกัด” กับรัสเซีย ปฏิเสธอย่างชัดเจนที่จะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของมอสโกว์ ทั้งกล่าวโทษสหรัฐฯและนาโต้ที่ยั่วยุเครมลิน และปฏิเสธการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับรัสเซีย ในทางกลับกัน รัสเซียก็ให้การสนับสนุนจีนอย่างแข็งขันท่ามกลางความตึงเครียดกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับไต้หวัน