ในสถานการณ์ที่สหรัฐและเกาหลีใต้ทำการซ้อมรบติดรั้วบ้านเกาหลีเหนือหลายวันจัด เพื่อข่มขู่และท้าทายอย่างโจ่งแจ้ง เกาหลีเหนือจึงทดสอบยิงขีปนาวุธใหม่ๆเฉียดเฉี่ยวพื้นที่ท้องน้ำใกล้เคียงทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ล่าสุดรัฐบาลเปียงยางได้ประกาศ “ความสำเร็จครั้งสำคัญ” ของการทดสอบการปล่อยดาวเทียสังเกตการณ์ทางทหาร เพื่อประจำการบนท้องฟ้า ในปี ๒๕๖๖ ยิ่งทำให้สหรัฐและพันธมิตรตาขวางและพยายามกดดันเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น
South Korea strongly condemns North Korea for escalating tensions after Pyongyang's latest missile launch pic.twitter.com/cn6dbN24tx
— TRT World Now (@TRTWorldNow) December 18, 2022
วันที่ ๑๙ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวยอนฮับของรัฐเกาหลีเหนือและสปุ๊ตนิกรายงานว่า การทดสอบในวันอาทิตย์ของเกาหลีเหนือยืนยันความน่าเชื่อถือของกล้องและหน่วยส่งข้อมูลของดาวเทียมสอดแนมทางทหารซึ่งกำลังพัฒนาโดยเปียงยาง
สำนักข่าวทางการของเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า “การทดสอบยืนยันดัชนีทางเทคนิคที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการทำงานของกล้องและความสามารถในการประมวลผลและส่งข้อมูลของอุปกรณ์สื่อสารในอวกาศ และความแม่นยำในการติดตามและควบคุมในระบบควบคุมภาคพื้นดิน สำนักงานบริหารการพัฒนาการบินและอวกาศแห่งชาติระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น ความสำเร็จที่สำคัญและได้ผ่านขั้นตอนสุดท้ายของประตูสู่การปล่อยดาวเทียมสอดแนม”
ก่อนหน้านี้ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาดาวเทียมโซแฮ ตั้งอยู่ในเขตตงชาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อสังเกตการณ์การทดสอบ “เครื่องยนต์ขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งประสิทธิภาพสูง” สำหรับเป็น “หลักประกันให้กับการพัฒนาระบบอาวุธทางยุทธศาสตร์รุ่นต่อไป” โดยท่านผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเคยเดินทางมายังศูนย์โซแฮ เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา แล้วออกคำสั่งให้มีการขยายสถานที่ ให้พร้อมสำหรับการพัฒนา และการทดสอบเครื่องยนต์จรวด และ “ดาวเทียมรุ่นใหม่” ด้วย
ด้านสำนักข่าวเกาหลีใต้รายงานว่า การปล่อยดาวเทียมเป็นการทดสอบขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญสำหรับการพัฒนาดาวเทียมลาดตระเวน และหมายถึงการประเมินขีดความสามารถของการถ่ายภาพดาวเทียม การส่งข้อมูล และการควบคุมภาคพื้นดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตามรายงานของสื่อ องค์การบริหารการพัฒนาการบินและอวกาศแห่งชาติของเกาหลีเหนือวางแผนที่จะเสร็จสิ้นการเตรียมการสำหรับดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๖
“การทดสอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จัดทำขึ้นเพื่อประเมินความสามารถในการประมวลผลและความปลอดภัยของหน่วยรับส่งข้อมูล ในขณะเดียวกันก็ยืนยันความน่าเชื่อถือของคำสั่งควบคุมการถ่ายภาพและทัศนคติ และการควบคุมภาคพื้นดินอื่นๆ บนกล้องต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมโดยจำลองพื้นที่หลังจากบรรจุลงใน ส่งดาวเทียมทดลองที่ติดตั้งกล้องแพนโครมาติกหนึ่งตัวสำหรับการทดสอบความละเอียด ๒๐ เมตร กล้องมัลติสเปกตรัมสองตัว เครื่องส่งสัญญาณวิดีโอ เครื่องรับส่งสัญญาณของย่านความถี่ต่างๆ ชุดควบคุม และแบตเตอรี่ และปล่อยดาวเทียมในแนวตั้งที่ระดับความสูง ๕๐๐ กิโลเมตร”
เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเปียงยางทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง ๒ ลูกจากสถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮในจังหวัดพย็องอันเหนือ ลงสู่ทะเลญี่ปุ่น โดยทั้งสองลูกยิงระยะทางประมาณ ๕๐๐ ก.ม.
ตามรายงานของสื่อญี่ปุ่น ขีปนาวุธทั้งสองลูกลงจอดนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้แสดงการประท้วงต่อเปียงยางเกี่ยวกับช่องทางการทูตที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวการทดสอบ
เจ้าหน้าที่อาวุโสของเกาหลีใต้กล่าวว่าการยิงครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือมีเป้าหมายเพื่อขับไล่ฐานทัพสหรัฐฯ
เสนาธิการทหารฯเกาหลีใต้กล่าวว่า “จุดประสงค์ของการยั่วยุของเกาหลีเหนือนั้นชัดเจน มันเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งทำลายพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ และท้ายที่สุดก็ขับไล่กองกำลังสหรัฐฯ ที่ประจำการในเกาหลีออกจากคาบสมุทรเกาหลีผ่านหัวรบนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยกลาง”
รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น โทชิโระ อิโนะ กล่าวว่า “เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ ๒ ลูกในเช้าวันอาทิตย์โดยทั้งคู่บินได้ไกล ๕๐๐ ก.ม. หรือ ๓๑๐ ไมล์ สูงสุดที่ระดับความสูง ๕๕๐ ก.ม. การทดสอบเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาดาวเทียมสอดแนม โดยขีปนาวุธตกลงในทะเลนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของโตเกียวด้วย”
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ๖๒ ลูกและขีปนาวุธร่อน ๓ ลูกไปยังเกาหลีใต้นับตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๕ รวมถึงการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปที่ดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน
การเปิดตัวครั้งล่าสุดทั้งการยิงขีปนาวุธICBM และการยิงทดสอบส่งดาวเทียมสอดแนมทหาร มีขึ้นหลังจากโตเกียวเปิดเผยแผนป้องกันประเทศ ๕ ปี มูลค่า ๓๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นแผนใช้งบประมาณที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ กล่าวว่านี่คือคำตอบสำหรับความท้าทายด้านความมั่นคงที่ประเทศของเขาเผชิญอยู่ในขณะนี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐและเกาหลีใต้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าการฝึกร่วมนาวีซีล (Navy SEAL) เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ได้สิ้นสุดในวันที่ ๙ ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เปียงยางประณาม การฝึกซ้อมติดบ้านเขาเป็ความประมาทอย่างท้าทาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ แต่วอชิงตันและโซลถือว่าการฝึกของพวกเขาเป็นการป้องกันโดยธรรมชาติ ต่างฝ่ายไม่มีใครยอมใคร จุดวาบไฟแห่งนี้จึงร้อนระอุคุโชนทำให้โลกต้องจับตา!!??