ความพยายามของสหรัฐฯในการเกลี้ยกล่อมให้ประเทศต่างๆในทวีปอาฟริกาหันมาร่วมต่อต้านรัสเซียและจีน ได้เริ่มขึ้นอย่างเอาการเอางานเมื่อพบว่า ทวีปนี้เริ่มหนีห่างตะวันตกอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง
ล่าสุดจัดประชุมซัมมิต สหรัฐ-อาฟริกาครั้งแรกในรอบ ๘ ปี หวังระดมความคิดดิ้นรนเพื่อให้ชาติแอฟริกาเป็นแนวร่วมต่อต้านรัสเซียและจีน แต่ผลสุดท้ายต้องผิดหวัง แม้จะสัญญาจะนำเงินไปลงทุนกว่า ๕ หมื่นล้าน ผู้นำอัฟริกันกลับไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร เพราะภาพจำในอดีต ที่ตะวันตกเข้ามากอบโกยทรัพยากรในอาฟริกา และยุยงให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามชิงอำนาจในพื้นที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาถึงวันนี้มีโลกหลายขั้วเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ ทำให้อาฟริกาไม่ต้องจำนนต่อมหาอำนาจเก่าที่ทำเพื่อประโยชน์และทอดทิ้งอาฟริกามาหลายทศวรรษ ที่ผ่านมาแอฟริกาใต้ปฏิเสธการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียและจีนอย่างต่อเนื่อง และวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐและตะวันตกอย่างไม่เกรงใจ วันนี้ยังไม่เปลี่ยนจุดยืน
วันที่ ๑๖ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์รายงานว่าปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เปิดการประชุมสุดยอดที่วอชิงตันกับ ๔๙ ชาติในแอฟริกา เขาให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการลงทุนและความช่วยเหลือ แต่กล่อมให้ร่วมมือในการรณรงค์เพื่อลงโทษและโดดเดี่ยวรัสเซียจากความขัดแย้งในยูเครน
มีรายงานว่าประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่”มีความสับสน” และผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ กับ ความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ในการชุมนุมสนับสนุนให้สนับสนุนเคียฟและประณามรัสเซียไปทั่วโลก เรื่องนี้Washington Post รายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่าคณะบริหารของไบเดน จัดการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-แอฟริกาครั้งแรกในรอบ ๘ ปี โดยสัญญาว่าจะลงทุนใหม่จำนวน ๕.๕ หมื่นล้านดอลลาร์ในทวีปนี้ แต่ไม่ระบุรายละเอียดว่าจะเริ่มดำเนินการเมื่อใด
คาเมรอน ฮัดสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านแอฟริกาที่ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ(Cameron Hudson, an Africa expert at the Center for Strategic and International Studies) กล่าวว่า “พวกเขามองว่าเราไม่น่าเชื่อถือ และการประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามที่จะพยายามเปลี่ยนความเชื่อนั้นใหม่”
เอเบเนเซอร์ โอบาดาเร สมาชิกอาวุโสของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Ebenezer Obadare, a senior fellow at the Council on Foreign Relations)วิเคราะห์ว่า “ปฏิกิริยาของผู้นำแอฟริกาต่อความขัดแย้งในยูเครนอาจทำให้ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯต้องสั่นคลอน พวกเขาต้องตื่นตระหนกเกี่ยวกับอิทธิพลที่แข็งแกร่งของจีนและรัสเซียในทวีปนี้ “นี่ดูเหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณบอกว่า สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดและเคยเป็น” “และหากสหรัฐฯ จะต้องยึดครองพันธมิตรของตนในภูมิภาคนี้ ก็จะต้องทำการด้านบวกบ้าง”
ไบเดนพยายามโน้มน้าวให้บรรดาผู้นำอาฟริกาที่มาเยือนเห็นว่า วอชิงตันเห็นความเจริญรุ่งเรืองของแอฟริกาเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด นอกจากนี้เขายังพูดถึงบทบาทของทวีปในการจัดการกับ”สงครามและความไม่มั่นคง”ท่ามกลางวิกฤตโลกประเด็นอื่นๆ ไบเดนปากหวานกับผู้นำแอฟริกันว่า “เราไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ เหล่านี้ได้หากไม่มีผู้นำชาวแอฟริกันร่วมดัวย”
แอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ปฏิเสธการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย ปธน.ซีริล รามาโฟซา (Cyril Ramaphosa) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์อย่างแรงว่า NATO เป็นตัวการยุยงให้เกิดวิกฤตยูเครน และได้เรียกร้องไบเดน ในเดือนกันยายนว่าอย่า “ลงโทษ” ประเทศในแอฟริกาด้วยการกดดันให้ตัดความสัมพันธ์กับมอสโกว์และจีนเพราะมันจะไม่สำเร็จ
ในประเด็นที่เกี่ยวกับจีน การหารือกับผู้นำแอฟริกาหลายคน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า “จีนกำลังขยายฐานอำนาจในแอฟริกาทุกวัน ผ่านอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ “เสถียรภาพ” ของทวีปสั่นคลอน”
ประเทศในแอฟริกาต่างเบื่อหน่ายกับคำพูดต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อหว่านความขัดแย้ง คราวนี้ต้องมาฟังถึงสหรัฐฯ ผู้นำของ ๔๙ ประเทศและสหภาพแอฟริกาห้ามรับประทานอาหารเย็นที่ทำเนียบขาว ไม่ให้ชาวอเมริกันบรรยาย หรือห้ามฟังคนอเมริกันด่าจีน ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว พวกเขาได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เต็มใจและเกลียดชังต่อแรงกดดันที่รุมเร้าพวกเขาให้เข้าข้างฝ่ายใด และยังขอให้สหรัฐฯ เคารพพวกเขาอย่างจริงใจ
หนึ่งวันก่อนการประชุมสุดยอด สหรัฐฯให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน ๕๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่แอฟริกาตลอดระยะเวลา ๓ ปีข้างหน้า ในด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และความมั่นคงสำหรับแอฟริกา
จากนั้น สหรัฐฯ ได้ประกาศขยายความร่วมมือและศักยภาพในอวกาศให้ครอบคลุมประเทศในแอฟริกาบางประเทศ มีรายงานว่าในระหว่างการประชุมสุดยอด ปธน.โจ ไบเดนจะประกาศสนับสนุนสหภาพอาฟริกาเข้าร่วม G20 แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี ขณะนี้สหรัฐฯได้ให้คำมั่นสัญญาไว้มากมาย และควรมุ่งเน้นที่การปฏิบัติตามคำสัญญานั้น
ในอดีต สหรัฐฯ มองว่าทวีปแอฟริกาเป็นปัญหาที่ตนไม่ชอบและจำเป็นต้องแก้ไข แต่ตอนนี้ มองว่าแอฟริกาเป็นเพียงเบี้ยในการแข่งขันมหาอำนาจ ไม่เคยถือว่าแอฟริกาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือของความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแต่ประเทศในแอฟริกาเท่านั้นที่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ประชาคมระหว่างประเทศก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน
ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ต่อแอฟริกาในแถบทะเลทรายซาฮาราที่เผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมากล่าวถึงจีนในบริบทเชิงลบ ถึง ๓ ครั้ง ได้กระตุ้นความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในแอฟริกา นักวิชาการชาวแอฟริกาใต้ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งชี้ให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาว่ากลยุทธ์นี้เป็น “กลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาซึ่งมักพบในการบรรยายให้แอฟริกาจัดการกับปัญหาของสหรัฐ ให้กลายเป็นปัญหาของอาฟริกา เกี่ยวกับวิธีการจัดการเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าวอชิงตันยังอ่านความคิดของชาวแอฟริกันได้ไม่ดีนัก” แทนที่จะนำเสนอการแก้ปัญหาของอาฟริกา กลับผลักดันอาฟริกาให้ช่วยปัญหาของตัวเอง เพราะชาวอาฟริกันเชื่อว่า ปัญหาของสหรัฐและตะวันตกต้องแก้ไขเองและไม่ใช่ปัญหาของประเทศอื่น
ประเทศในแอฟริกาหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ แต่พวกเขาไม่ต้องการแลกกับการพัฒนาและความร่วมมือระหว่างจีน-แอฟริกา จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา โดยมีปริมาณการค้าสูงถึง ๒.๕๔ แสนล้านดอลลาร์ในปี ๒๕๖๔ ซึ่งมากกว่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แอฟริกาถึง ๔ เท่า จีนยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ซึ่งนำโอกาสในการทำงานนับล้านมาสู่ทวีปนี้ โรงพยาบาล ทางหลวง สนามบิน สนามกีฬา ซึ่งสร้างด้วยความช่วยเหลือของจีนมีอยู่ทั่วแอฟริกา หากสหรัฐฯ สามารถทำเหมือนจีนและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับชาวแอฟริกัน และนำมาจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-แอฟริกาตามหัวข้อนี้ได้ ทุกคนคงจะยินดี !!??