สัมผัสวิถีชีวิต จิตวิญญาณชาวนาไทย สู่การเป็นเศรษฐีอย่างยั่งยืน ทิพยสืบสานรักษาต่อยอดนวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 24
“เศรษฐี” หมายถึง คนรวย,คนมั่งคั่ง,คนมั่งมี การเป็นเศรษฐีไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีทรัพย์สินเงินทองรองรับ ซึ่งก็มีหลายคนที่พัฒนาตนเองด้วยความมุมานะ อุตสาหะ ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตจนกลายเป็นเศรษฐีเป็นคนมั่งคั่ง มั่งมีได้
แต่การเป็นเศรษฐี ก็ไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่าเงินทองจะอยู่กับเราตลอดไป และที่สำคัญการเป็นเศรษฐีก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถตอบคำถามได้ถึงแนวทางการดำเนินชีวิตที่เป็นหนทางสู่การแก้ปัญหาความจนสู่การเป็นเศรษฐีและมีความสุขได้อย่างยั่งยืน
ทิพยสืบสาน รักษาต่อยอด นวัตกรรม ศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 24 นำครู อาจารย์ ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศลงพื้นที่ ศึกษาดูงาน ณ ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) จ.สุพรรณบุรี ร่วมถอดบทเรียน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิต จิตวิญญาณชาวนาไทย ที่พลิกฟื้นจากการล้มละลาย สู่การเป็นเศรษฐีอย่างยั่งยืน ที่กว่าจะมาเป็นนาเฮียใช้ ครอบครัวต้องประสบกับปัญหาอย่างไรบ้าง
จากประสบการณ์ของนายนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา บุตรชายของ นายพิชัย เจริญธรรมรักษา หรือเฮียใช้ จากเดิมประกอบอาชีพรับซื้อข้าวเปลือก ขยายกิจการ จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าว และผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อนำมาเพาะปลูก
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ และคุณของแผ่นดินไทยที่เกื้อกูลให้ครอบครัวได้มีที่ทำมาหากิน จึงได้ก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย เพื่อพัฒนาให้แปลงนาแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนได้มาศึกษาหาความรู้เรื่องข้าวและวิถีชีวิตชาวนาไทยสืบทอดภูมิปัญญา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์ครบครัน ใน จังหวัดสุพรรณบุรี
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “การมาลงพื้นที่ศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่นาเฮียใช้ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับ ครูอาจารย์
เราจะได้เห็นของจริงที่พิสูจน์ได้ว่าแนวทางการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่ใช่เพียงแค่ทฤษฎีที่ทำให้เข้าใจว่า พออยู่พอกิน เท่านั้น แต่สามารถสร้างให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อเนื่องไปถึงความเจริญในภาพรวมของประเทศชาติได้”
เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ในการทำธุรกิจ อาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ได้พัฒนาบอร์ดเกมสำหรับการทำเวิร์คชอป ในเรื่อง “สร้างงานให้เป็นเงิน ตามแนวปรัชญาของเศษฐกิจพอเพียง” เป็นการสร้างประสบการณ์และความเข้าใจในการบริหารจัดการโครงการด้วยความพอดี ไม่ลงทุนเกินตัว รู้ข้อมูล รายรับ รายจ่าย และดึงศักยภาพในตัวเองที่มีอยู่มาใช้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
ด้าน ดร. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า “นาเฮียใช้ นับได้ว่าเป็นตัวอย่างขององค์กรเอกชนที่ประสบความสำเร็จจากการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเครื่องมือปรับใช้กับการพัฒนาธุรกิจ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันโดยยึดแนวทางปฏิบัติที่ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ลงทุนเกินขนาด พึ่งพาตนเอง ยึดหลักสายกลางให้อยู่ได้อย่างสมดุล แต่มีการรวมตัวกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในระดับสังคม
รวมกลุ่มทำประโยชน์เพื่อสังคมเกิดพลังใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้เต็มที่ และพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ให้สูงขึ้นและหลากหลายมากขึ้น สร้างเครือข่ายระหว่างชุมชนไปจนถึงระดับชาติ และนานาชาติ ซึ่งจะส่งผลให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและเป็น “เศรษฐีได้อย่างยั่งยืน” คือรวยอย่างมีความสุข และยั่งยืน”
รศ. นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม องค์การมหาชน กล่าวเสริมว่า “คุณธรรม 5 ประการ ที่ประกอบด้วยความพอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และ กตัญญู เป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางด้านการบริหารจัดการและสร้างผลกำไร โดยเริ่มได้จากตนเอง ต่อเนื่องไปถึงคนรอบข้าง องค์กร สังคม จนเกิดเป็นความยั่งยืน”
โครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดโดย ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) มูลนิธิธรรมดี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในการทรงงานเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้งยังเพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”