ปีนี้มีข่าวเครื่องบินขั้นเทพของสหรัฐที่ราคาแพงหูฉี่ มักตกหรือเครื่องพังบ่อย ล่าสุดเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เกิดไฟลุกไหม้หลังลงจอดฉุกเฉิน รุ่นที่เกิดปัญหาคือ เสตลท์ล่องหนบี-สอง สปิริต(B-2 Spirit) ต้องถูกบังคับให้ลงจอดในรัฐมิสซูรี หลังจากประสบกับ “การทำงานผิดพลาดของระบบบนเครื่องบิน”
เป็นเรื่องเสียหน้าไม่น้อยหลังจากที่สหรัฐฯเพิ่ง เปิดตัวเครื่องบินทิ้งระเบิดใหม่เคลมว่า เป็นลำแรกตั้งแต่สงครามเย็น รุ่น บี-๒๑ ไรเดอ์ (B-21 Raider) ที่มีสมรรถภาพไร้เทียมทาน แต่ละลำคาดว่าจะมีราคาเกือบ ๗๐๐ ล้านดอลลาร์ ไม่นับค่าซ่อมบำรุง
วันที่ ๑๔ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ล่องหนของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ถูกไฟไหม้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากถูกบังคับให้ลงจอดฉุกเฉินในรัฐมิสซูรี เนื่องจากความผิดพลาดทางเทคนิค
B-2 Spirit ลงจอดที่ฐานทัพอากาศ Whiteman และได้รับความเสียหายบนรันเวย์หลังจากประสบกับ”การทำงานผิดพลาดในเที่ยวบินระหว่างการปฏิบัติงานตามปกติ”ตามแถลงการณ์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ “มีไฟไหม้ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินหลังจากลงจอด และหน่วยดับเพลิงฐานได้ดับไฟ”
ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ภาพนิ่งที่อ้างว่ามาจากที่เกิดเหตุ ซึ่งออกอากาศโดยKMBC-TV เป็นบริษัทในเครือ ABC News ในเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี ดูเหมือนจะมีควันพวยพุ่งขึ้นจากจุดที่เครื่องบินตก ภาพอีกภาพแสดงให้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดกระแทกบนพื้นโดยไม่ได้ใส่ล้อลงจอด และมีควันลอยขึ้นจากด้านหลังเครื่องบิน
กองบินทิ้งระเบิดที่ ๕๐๙ ที่ไวท์แมนยกย่อง B-2 Spirit ว่าเป็น”เครื่องบินที่มีกลยุทธ์มากที่สุดในโลก” ด้วยราคาต่อหน่วยประมาณ ๑,๑๖๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเข้าประจำการในปี ๒๕๔๐ และราคาเพิ่มเป็น ๒,๑๕๐ ล้านดอลลาร์ในปี ๒๕๖๕ และโฆษณาว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดแพงที่สุดในโลก เพราะสมรรถนะเยี่ยมยอด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เครื่องบินล่องหน B-2 อีกลำได้รับความเสียหายที่ไวท์แมนเมื่อปีที่แล้ว เมื่อเกิดความล้มเหลวทางกลไกทำให้ล้อเลื่อนด้านซ้ายพังเมื่อลงจอด กองทัพอากาศสหรัฐฯ ตำหนิการทำงานผิดพลาดจากครั้งนั้นว่าเป็นเพราะสปริงที่ชำรุด
บริษัทนอร์ทรอป กรัมแมน(Northrop Grumman) ผู้รับเหมาป้องกันชั้นนำของ B-2 Spirit เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวเครื่องบินลำใหม่ที่จะมาแทนที่ B -21 Raider ว่ามีแสนยานุภาพเยี่ยมยอดที่สุดในโลกอีกแล้ว
แต่ละลำคาดว่าจะมีราคาเกือบ ๗๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒.๔๒ แสนล้านบาท
กองทัพอากาศสหรัฐ ได้เปิดตัวเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนทางยุทธศาสตร์ลำใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ ๓๐ ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ B-21 Raider ยังไม่ได้ทำการบินครั้งแรกด้วยซ้ำ
เครื่องบินทิ้งระเบิดของนอร์ทรอป กรัมแมน(Northrop Grumman) สามารถบรรทุกได้ทั้งอาวุธธรรมดาและอาวุธนิวเคลียร์ ได้รับการจัดแสดงในพิธีที่แอร์ฟอร์ซแพล้นท์ ๔๒ (Air Force Plant 42) ในเมืองปาล์มเดล(Palmdale) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย งานนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอนเข้าร่วม รวมทั้งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ลอยด์ ออสติน
ออสตินยกย่อง B-21 Raider ว่าเป็น”ศูนย์รวมของความมุ่งมั่นของอเมริกาในการปกป้องสาธารณรัฐที่เราทุกคนรัก”และเสริมว่า”นี่คือการป้องปรามในแบบอเมริกัน”
เมื่อสัญญาสำหรับ Raider ได้รับการประกาศครั้งแรกในปี ๒๐๑๕ เดบอราห์ ลีเจมส์(Deborah Lee James) เลขาธิการกองทัพอากาศในขณะนั้นอ้างว่าสหรัฐฯ ต้องการเครื่องบินทิ้งระเบิดใหม่ “ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ภัยคุกคามที่เรากลัว สักวันหนึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับจีนและรัสเซีย”
เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนคาดว่าจะทำการบินครั้งแรกในปี ๒๕๖๖ เดิมทีกองทัพอากาศสหรัฐหวังว่าเครื่องบินจะขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเร็วที่สุดในปี ๒๕๖๒ แต่เลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ และกลางปี ๒๕๖๕ สุดท้ายก็เลื่อนไปปีหน้า แต่รีบโชว์ก่อนเพราะ คู่แข่งอย่างจีน รัสเซีย และอิหร่านพากันเปิดตัวบินรบสเตลท์รุ่นล่าสุดกันอย่างอึกทึก นอกจากงานโชว์ของจีนที่เพิ่งจบลงไปไม่นาน ช่วงนี้เป็นคิวของเวียตนามที่มหาอำนาจนิวเคลัยร์ทั้งหลายพากันไปออกร้านโชว์กันพรึ่บ สหรัฐฯมีหรือจะยอม เลยต้องออกโชว์ก่อนบินจริง
สำนักข่าว Bloomberg คำณวนให้เสร็จสรรพว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการสนับสนุนการพัฒนา การจัดซื้อ และการดำเนินการของโครงการ B-21 มีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้เสียภาษีอเมริกันต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างน้อย ๒.๐๓ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง ๓๐ ปี เงินเหล่านี้จะเข้าไปนอนในกระเป๋าบริษัทที่รับเหมาผลิต
อย่าว่าตัวโปรของนอทรอปเลยที่มีปัญหา ของยักษ์ขายอาวุธอย่างล็อคฮีทฯก็ไม่เว้น บริษัท ล็อคฮีทมาร์ติน (Lockheed Martin)ผู้ผลิตบินรบเอฟ-๓๕ ไลท์นิ่งทู (F-35 Lightning II) เคลมว่า เป็นอาวุธที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีราคาต่อหน่วยระหว่าง ๗๘ ถึง ๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าปฏิบัติการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานถึง ๑.๓ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หลายปีหลังจากการเปิดตัว เครื่องบินยังคงสร้างปัญหาให้กับผู้ปฏิบัติงานมากมาย คือมีค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับ GDP ต่อปีของออสเตรเลีย หรือมากกว่างบประมาณกลาโหมประจำปีของรัสเซียถึง ๒๐ เท่า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สื่อสหรัฐฯรายงานว่าค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ห้องนักบินเอฟ-๓๕ ที่ซับซ้อนของเครื่องบิน พุ่งสูงถึง ๖๘๐ ล้านดอลลาร์ สำนักงานโครงการร่วม F-35 ประกาศว่าการอัพเกรดจะไม่เสร็จสิ้นภายในกำหนดเส้นตายที่ตกลงไว้ว่าการซ่อมบำรุงซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖ แต่กรอบเวลาถูกเลื่อนไปเป็นสิ้นปี ๒๕๖๖ แทน แบบนี้มีบินรบชั้นเทพแต่ใช้รบไม่ได้เพราะซ่อมไม่ทันใช้ จะไปชนะศึกกับรัสเซียหรือจีนได้อย่างไร ใครที่คิดจะซื้อเอฟ-๓๕ ไปไว้ครอบครองอาจต้องคิดทบทวนใหม่ยังไม่สาย!!??