ไบเดนนั่งไม่ติดแน่เมื่อพันธมิตร ๒ มหาอำนาจผู้ท้าทายการครอบงำของเปโตรดอลลาร์จะมาพบกันที่ไหนสักแห่งก่อนสิ้นปีนี้ เป็นการแย้มข่าวที่ทำสื่อทั่วโลกตาโต แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดวันเวลาสถานที่ขอให้รอแจ้งเป็นทางการอีกที
นอกจากนี้ เครมลินยังปฏิเสธข้อเรียกร้องของเซเลนสกี้ที่ขู่ฟ่อให้รัสเซียรีบถอนทหารออกจากยูเครนภายในสิ้นปีนี้ หลังเมกาและกลุ่มจี-๗ กลุ่มเศรษฐีตกยากสัญญาจะช่วยเงินและอาวุธต่อไปจนกว่ารัสเซียจะพ่ายแพ้อ่อนแอลงอย่างถุึงที่สุด
ขณะที่ นาโต้ออกมายอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนอาวุธ “ของจริง” เนื่องจากส่งของเก่าไปให้ยูเครนจนหมดสต็อกแล้ว อันนี้ทูตสหรัฐฯเอ่ยปากเอง ยังมีการปล่อยข่าวว่าในที่สุดสหรัฐฯจะส่งแพตทริออตไปให้ยูเครนเพื่อปราบรัสเซียให้อยู่หมัด คงด้วยเหตุนี้เซเลนสกี้ถึงกล้าพ่นคำขู่ใส่รัสเซีย และอาจรู้แผนร้ายของลูกพี่บางอย่าง ซึ่งเรื่องนี้รัสเซียใช่ว่าจะไม่รู้จึงเตรียมการณ์เต็มอัตราศึกทั้งกำลังคนและอาวุธยุทโธปกรณ์
แม้ภาพรวมจะดูเหมือนว่าสหรัฐและพวก ตลอดจนรัสเซียและพันธมิตรทั้งหลายต่างไม่ต้องการสงครามโลกในเวลานี้ จำกัดวงแค่ยูเครน แต่ความขัดแย้งในพี้นที่บานปลายไปไกลถึงประเทศสมาชิกนาโต้แล้วอย่างไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้
วันนี้ทั้งโลกต่างรู้ว่า รัสเซียไม่ได้รบกับยูเครนแต่รบกับสหรัฐ-นาโต้ เมื่อสหรัฐและยูเครนประกาศไม่ยอมรับการรวม ๔ ภูมิภาคและไครเมีย รัสเซียก็ไม่มีอะไรจะคุย ลุยต่อเท่านั้นเอง
วันที่ ๑๔ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ เปิดเผยว่า ปธน.ปูติน นัดพบกับ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีนปลายเดือนนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี ๒๐๒๒ พร้อมกับระบุว่า ผู้นำทั้งสอง “ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ” ขณะเดียวกัน โฆษกวังเครมลินผู้นี้ยังแถลงคัดค้านแผนสันติภาพที่เซเลนสกี เสนอต่อผู้นำจี-๗ เสยคางเซเลนสกี้ว่า เคียฟต้องยอมรับความจริง ซึ่งรวมถึงการที่มอสโกว์ได้เข้าผนวกดินแดนหลายแห่งในยูเครนไปแล้วหากไม่ยอมรับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเจรจา
โฆษกเครมลิน ระบุว่า“แผนสามขั้นตอน”ที่ปธน.เซเลนสกี เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนต่างชาติดำเนินการเพื่อช่วยเคียฟ คือขั้นตอนสู่ปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดการสู้รบในประเทศของเขาต่อไปและจะรุนแรงมากขึ้น”
เปสคอฟกล่าวย้ำว่า “ฝ่ายยูเครนจะต้องคำนึงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการรวมภูมิภาคใหม่กับรัสเซีย” “ความเป็นจริงเหล่านี้เป็นผลมาจากนโยบายที่ผู้นำยูเครนและระบอบการปกครองของยูเครนในปัจจุบันได้กระทำต่อประชาชนในช่วง ๑๕ หรือ ๒๐ ปีที่ผ่านมา” รัสเซียมีดินแดนที่เป็นส่วนประกอบใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการลงประชามติที่ หากไม่คำนึงถึงความเป็นจริงใหม่เหล่านี้ ความคืบหน้าใด ๆสู่ข้อตกลงก็จะเป็นไปไม่ได้”
นอกจากนี้ เปสคอฟยังยืนยันว่าไม่มีอาวุธหนักของรัสเซียที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย (Zaporozhye NPP) ตามที่ยูเครนอ้างแต่อย่างใด มอสโกยังคงติดต่อกับ IAEA ในเรื่องของความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และท้ายสุดย้ำว่า
▪️ความพยายามที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูและปรับปรุงชีวิตในภูมิภาคใหม่นั้น รัสเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก”
ด้านกระทรวงกลาโหม(MoD) ได้รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครนในหลายพื้นที่ล่าสุดวันที่ ๑๒ ธ.ค.ที่ผ่านมา
▪️ในทิศทางของคูเปียนสค์ กองทัพรัสเซียกำจัดทหารยูเครนและเครื่องบินรบต่างชาติมากกว่า ๔๐ ลำ
▪️ทำลายฐานบัญชาการของยูเครนอีก ๗ แห่งในภูมิภาคโดเนตสค์ (DPR), คาร์คอฟ (Kharkov) และซาโปริชเชีย (Zaporozhye)
▪️กองกำลังรัสเซียขัดขวางความพยายามของกองทัพยูเครนที่จะโจมตีตอบโต้ไปทางใต้ของโดเนตสค์ โดยทหารยูเครนดับ ๕๐ นาย
▪️กองกำลังรัสเซียขัดขวางการโจมตีตอบโต้โดยกลุ่มจู่โจมสามกลุ่มของกองทัพยูเครนในทิศทางของคริชนี ลิมาน (Krasny Liman) ทหารยูเครนมากกว่า ๕๐ นาย
▪️รัสเซียอาร์มฟอร์ส ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ MLRS ของยูเครนในโดเนตสค์ (DPR) สกัดกั้น UAV ๒ ลำ จรวด HIMARS ๒ ลูก และขีปนาวุธ HARM ๑ ลูก
ด้านอาวุธของรัสเซียที่ใช้ลุยในโดเนตส์หาชมได้ในช่องเทเลแกรมของรัสเซีย เช่น Tornado-G และ Grads รุ่นปรับปรุง ๑๒๒ มม. ประสบความสำเร็จในการทำลาย พื้นที่ตั้งรับมั่นคงของกองทัพยูเครน ทาง ต.มารินก้า (Marinka) อ.โปครอฟส์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองโดเนตส์
Heavy MLRS BM-30 Smerch 300 มม.ของฝั่งยูเครน ถูกยิงด้วยขีปนาวุธนำวิถี ระยะยิง ๑๒๐ กม.
และทอส-วันเอ(TOS-1A) โจมตีกองทัพยูเครน ที่ ม.คาเมียนก้า (Kamianka) อ.โปครอฟส์ (Pokrovsk) ทางด้านเหนือของตัวเมืองโดเนตส์ ใกล้แอฟเดียฟก้า (Avdiivka)
การรบหนักยังดำเนินต่อไปในพื้นที่สู้รบและจุดยุทธศาสตร์ที่เคียฟ-นาโต้ต้องการยึดไปทำโฆษณาชัยชนะเพิ่มแต่เป็นฝ่ายถูกขยี้กระเจิดกระเจิง ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุให้รัสเซียยกเลิกงานแถลงข่าวมาราธอนประจำปี และงานรื่นเรืองเทศกาลปีใหม่ด้วยเคารพความยากลำบากของทหารกล้าที่อยู่แนวหน้า!!!!