ดันเต็มเหนี่ยว!! บิ๊กตู่ชู ๙๕ โครงการต้นแบบเกษตรอัจฉริยะทั่วปท. สร้างคนรุ่นใหม่ ๓๒,๐๐๐ คน ทำเกษตรรวยปัง

0

ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัว หรืออาจถึงขั้นถดถอย ประเทศไทยยังคงเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านอาหารที่อุดมสมบูรณ์ รัฐบาลไม่ละเลยประเด็นนี้

ล่าสุดทิพานันฯหนึ่งในโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ฯกำชับ เดินหน้าโครงการต้นแบบ ๙๕ โรงเรือนเกษตรอัจฉริยะทั่วประเทศ  มุ่งเป้าผลักดันสร้างแรงงานเกษตรคนรุ่นใหม่ ๓.๒ หมื่นคนในปี ๒๕๖๖  เพื่อเพิ่มรายได้ผลผลิต-เพิ่มค่าจ้างแรงงาน พลิกโฉมเกษตรกรไทยที่สร้างความมั่งคั่งยั่งยืนแก่ครอบครัวไทยอย่างแท้จริง

วันที่ ๑๒ ธ.ค.๒๕๖๕ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากการลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ในทุกภูมิภาค ท่านนายกได้มีนโยบายพัฒนาศักยภาพแรงงานทุกกลุ่ม และมีความห่วงใยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งผลกระทบด้านพลังงาน  ผลกระทบด้านการผลิต จึงต้องการยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงมีนโยบายและมุ่งมั่นยกระดับเกษตรกรไทยสู่เกษตรอัจฉริยะ Smart Farmer  โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านเกษตร เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในทุกมิติ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แต่การเปลี่ยนแปลงจะต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการและแรงงานในภาคเกษตรด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมอบนโยบายไปยัง  นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ดำเนินการพัฒนาฝีมือเพื่อเข้าตลาดแรงงานนี้โดยเร่งด่วน  โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) จึงได้ดำเนินโครงการศูนย์เรียนรู้โรงเรือนเกษตรแม่นยำปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบการมืออาชีพด้านเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโครงการพิเศษเพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานภาคการเกษตรสู่เกษตรอัจฉริยะ มีเป้าหมาย ๙๕ โรงเรือนทั่วประเทศ 

และส่งเสริมให้แรงงานภาคการเกษตร มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะในปี ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒,๓๐๐ คน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูกแบบมีโรงเรือน เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับการปลูกพืช การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน ระบบพ่นหมอก ระบบกักเก็บหรือจัดน้ำ ซึ่งเกษตรกรสามารถนำไปใช้เพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรตามเป้าหมาย 

โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ สามารถสมัครได้ที่สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ หรือสอบถามที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

น.ส.ทิพานัน กล่าวย้ำว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับภาคเกษตร ต้องการให้มีการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เพียงพอในอนาคต  ที่สามารถประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่ทันสมัย ควบคู่ไปกับกับความปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG ผ่านกลไกของหน่วยงานต่างๆที่บูรณาการอย่างครบวงจร และเป็นรูปธรรม  สะท้อนความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการผลักดันอุตสาหกรรมเกษตรของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผู้ประกอบการภาคเกษตร มีความเข้มแข็ง มีรายได้ดีขึ้น  เกิดการกระจายรายได้ไปสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมกับมีตัวชี้วัดหรือมีสถาบันรองรับฝีมือแรงงานนั้นๆ ที่จะสามารถนำไปสู่ทักษะวิชาชีพที่มีอัตราค่าแรงที่สูงขึ้นในอนาคตได้ด้วย”