หลังจากที่ทั่วโลกจับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ล่วงเลยมาเกินครึ่งปี และกำลังจะใกล้เข้ามาสู่ระยะเวลาครบรอบ 1 ปีนั้น แม้จะมีการโชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ กำลังพลทหารของรัสเซีย หรือความพ่ายแพ้ที่กำลังทหารของยูเครนไม่เพียงพอ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่มีใครตอบได้ว่าสงครามนี้จะจบลงเมื่อใด และสงครามนิวเคลียร์ จะเริ่มต้นหรือไม่
แม้มันอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความหวาดระแวงของหลาย ๆ ฝ่าย ไม่เคยลดน้อยลง หลายชาติทั่วโลกยังเชื่อว่า มันน่าจะเป็นเครื่องมืออย่างสุดท้าย ที่ปูตินจะตัดสินใจใช้บนสมรภูมิ แต่ก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มากกว่านั้น เมื่อมีข้อมูลว่า ฝ่ายยูเครนเองก็อยากให้เกิดสงครามนิวเคลียร์เช่นกัน
โดยในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานถึงประเด็นนี้ ซึ่งมีข้อความระบุว่า ความเขลาของเซเลนสกี เขียนโดย Philip M. Giraldi กรรมการบริหารกรรมการบริหารของ Council for the National Interest มูลนิธิเพื่อการศึกษานโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
ยูเครนอาจจงใจโจมตีพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ เพื่อพยายามดึงพันธมิตรนาโต้เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย เหตุการณ์ดังกล่าวได้คร่าชีวิตเกษตรกรไป 2 ราย ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ตำหนิรัสเซียทันที แต่ขีปนาวุธดังกล่าวกลับถูกยิงมาจากยูเครนและเขายังเรียกร้องให้ NATO เข้าแทรกแซงโดยอ้างถึงมาตรา 5 ของสนธิสัญญา ที่กำหนดให้สมาชิกทุกคนในพันธมิตรเข้ามาช่วยเหลือสมาชิกรายใดที่ถูกโจมตี โปแลนด์เป็นสมาชิก NATO และปัจจุบันเป็นเจ้าภาพ ฐานทัพถาวรของสหรัฐฯ
สื่อกระแสหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Associated Press และ NBC News ได้เขียนเรื่องราวที่เซเลนสกี อ้างในทันทีโดยไร้ซึ่งการตรวจสอบ แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลาย ซากของขีปนาวุธเผยให้เห็นว่าเป็นประเภทที่ใช้สำหรับระบบป้องกันทางอากาศที่อยู่ในคลังแสงของยูเครนเอง บรรดารัฐบาลและสื่อที่ต้องการสนับสนุนเซเลนสกี เริ่มเปลี่ยนคำพูดและเน้นไปที่ความผิดพลาดของขีปนาวุธเพื่อเปลี่ยนให้การกระทำของยูเครนเป็นอุบัติเหตุที่โชคร้าย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว เรื่องราวนี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงอย่างกับมันไม่เคยเกิดขึ้นในสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากมันไม่สอดคล้องกับคำอ้างของเซเลนสกี ผู้น่าสงสาร ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอยู่ในการประชุมสุดยอด G-20 ในอินโดนีเซีย กล่าวโดยระบุว่าไม่มีข่าวกรองใดที่จะยืนยันว่าขีปนาวุธดังกล่าวมาจากรัสเซียและวิถีกระสุนที่ปรากฏนั้นไม่ได้มาจากรัสเซียแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 37,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับยูเครน
ไบเดนพยายามลดระดับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยเพนตากอนและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในระหว่างวัน แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Lloyd Austin จะย้ำว่าสหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนยูเครน “ตราบเท่าที่ยังไหว” นอกจากนี้ เขายังเสริมด้วยว่า แม้ว่าขีปนาวุธจะเป็นของยูเครน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดของรัสเซีย เขาไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เลขาธิการของ NATO ยัง สนับสนุนแนวทางเดียว กับเพนตากอน โดยแสดงความคิดเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าว “น่าจะเกิดจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนยิงเพื่อปกป้องดินแดน นี่ไม่ใช่ความผิดของยูเครน รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในโปแลนด์เพราะนี่เป็นผลโดยตรงจากสงครามที่กำลังดำเนินอยู่”
จากข้อเท็จจริงที่ว่าเซเลนสกีพูดและทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดสหรัฐฯ และ NATO ให้ต่อสู้กับรัสเซียผมเชื่อว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลว่าเป็นความพยายาม สร้างเรื่องโดยเจตนาเพื่อเริ่มสงครามในวงกว้าง สงครามธรรมดาอาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ในข้ามคืน
นักการทูตต่างประเทศของ NATO ที่ประจำอยู่ในเคียฟบอกกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า “นี่เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครตำหนิยูเครนดลยทั้งที่พวกเขาโกหกอย่างหน้าตาเฉย” แน่นอนว่าเซเลนสกีสามารถทำได้ทุกอย่างแม้กระทั้งหารโกหกหน้าด้าน ๆ อดีตนักแสดงตลกผู้ซึ่งตอนนี้กำลังฉายแววความเป็นคนดัง บุคคลที่มีชื่อเสียงในฮอลลีวูด เช่น ฌอน เพนน์ และเบน สติลเลอร์ กำลังเดินทางไปที่เคียฟเพื่อจับมือ โอบกอด และถ่ายรูป เซเลนสกีก็มีกำหนดเดินทางไปสหรัฐอเมริกาด้วย มีรายงานว่าใน วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เขาจะอยู่ที่นิวยอร์กในงานของ New York Times โดยมี Sam Bankman-Fried, Larry Fink (CEO ของ Blackrock) และ Janet Yellen รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
การโจมตีด้วยขีปนาวุธของยูเครนในโปแลนด์เกิดจากความผิดปกติของตัวมันเอง หรือความตั้งใจของเซเลนสกี เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาทำงานอย่างหนักเพื่อกล่าวโทษรัสเซีย และดึง NATO เขามามีส่วนร่วมโดยตรงและนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ กลยุทธ์ของเขาควรถูกประณามจากทุกฝ่ายแม้เเต่ผู้สนับสนุน พันธมิตรควรรู้ว่านี้เป็นสิ่งที่อันตรายและควรดำเนินการถอนตัวจากการสนับสนุนการสู้รบและเรียกร้องให้มีการเจรจายุติความขัดแย้ง