หลังจากที่มีสัญญาณการเจรจาเกิดขึ้นอีกรอบ เกี่ยวกับปมสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เปิดเผยถึงความตั้งใจพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครน หากว่าผู้นำรัสเซียต้องการยุติสงครามอย่างแท้จริง ทั้งนี้ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ก็เห็นด้วยว่า ที่ควรจะเจรจากับรัสเซีย เพื่อให้สงครามจบลงโดยเร็ว แต่ดูเหมือนว่าทางรัสเซียจะไม่ยอมเจรจาด้วย ตราบใดที่สหรัฐฯยังคงหนุนหลังยูเครนด้านอาวุธอยู่เช่นนี้ และรัสเซียเลือกจัดหนักถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
และที่น่าจับตามองคือฤดูหนาวที่กำลังหนาวเหน็บอย่างมาก จะเป็นตัวตัดสินสงครามว่างานนี้ยูเครนอาจจะไม่รอด รวมทั้งดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ยังได้วิเคราะห์เกมรบต่อจากนี้ไว้ด้วยว่า สิ่งที่ยูเครนไม่มี กองทัพพิเศษรัสเซียหรือเรียกสั้นๆ ว่าหน่วย Z ที่พร้อมรบในฤดูหนาว ได้รับการสับเปลี่ยนและเดินทางมาถึงแล้ว จํานวน 450,000 นาย พร้อมรถถัง 1,500 คัน และสารพัดอาวุธหนักอื่น ๆ
หน่วย Z นี้จะเข้าไปประจําการแทนกองทัพส่วนต่าง ๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ทหารมาใหม่เหล่านี้จะมีเข้าไปปฏิบัติการในหลายๆ สมรภูมิ เช่น นิโคลเยฟ ดนีปรอ คาร์คีฟ เคอร์ซอร์น โอเดซซา ฯลฯ เป็นต้น
ส่วนทางด้านความเคลื่อนไหวในการเจรจาต่าง ๆ ตอนนี้สิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจคือ ผลจากการประชุมของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต้ที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ที่เพิ่งจะจบลงไปเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา โดยการประชุมในรอบนี้มีหลายประเด็นที่สร้างความกังวลใจให้กับรัสเซีย จนรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียต้องออกโรงเตือนเรื่อง การเผชิญหน้าทางการทหารระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์
อีกทั้งเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาแถลงข่าวระบุว่า จุดยืนของรัสเซียยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ตกลงกับผู้นำรัสเซียในการเจรจาเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2021 ว่าจะไม่มีการทำสงครามนิวเคลียร์กัน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียยังได้อธิบายจุดยืนเพิ่มเติมว่า รัสเซียไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างชาติมหาอำนาจถือครองนิวเคลียร์ แม้ว่าการเผชิญหน้านั้นจะเป็นการเผชิญหน้าด้วยอาวุธธรรมดาก็ตาม เพราะความขัดแย้งอาจบานปลายและควบคุมไม่ได้