บทสรุปจากการสัมนาหอการค้าไทยครั้งล่าสุด ที่มีผู้เข้าร่วมถึง ๑,๒๐๐ คน ระบุว่า “ไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดแนวทางการทำธุรกิจ เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เป็นภาระแต่เป็นเรื่องความยั่งยืนเป็นโอกาสและแต้มต่อ เกี่ยวข้องกับครึ่งหนึ่งของการจ้างงานในสาขาอาชีพ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงานชีวภาพ และการท่องเที่ยว คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจ BCG จะเพิ่มเป็น ๔.๔ ล้านล้านบาท หรือ ๒๕% ของจีดีพีไทยในอนาคต”
เรื่องนี้สอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาล และการผลักดันกรอบความคิดเศรษฐกิจยุคหน้าในงาน APEC 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าและได้รับเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์จากประเทศผู้เข้าร่วมงานทั้ง ๒๑ ประเทศ ก้าวต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและภาคเอกชนที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม ทั้งการผลิต การค้าการลงทุนและอื่นๆ นอกจากนี้การจัดอันดับขององค์กรเครดิตสากลต่างมองเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพและมีโอกาสเติบโตสูง ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมีความมั่นใจว่ารัฐบาลมาถูกทาง ฟิทช์ เรตติ้ง คงอันดับความน่าเชื่อถือและให้มุมมองไทยมีเสถียรภาพซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นต่างชาติเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางทั้งการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยว
วันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๖๕ การประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ ๔๐ ที่จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Connect the dots : Enhancing Thailand Competitiveness” ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลเข้าร่วมถึง ๕ ท่านและผู้เข้าร่วมสัมนามีถึง ๑,๒๐๐ คน
รัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุม ๕ คน นำโดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าร่วมด้วยทำให้มีการแลกเปลี่ยนประเด็น ทั้งด้านเศรษฐกิจ-สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
ซึ่งสอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ BCG model (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) และการสร้างการเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม (ESG) เป็นหัวใจสำคัญ
ไทยต้องเตรียมแผนรับมือกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ผลพวงจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบราคาพลังงาน เศรษฐกิจโลกที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เติบโตเพียง ๒.๗%
จากที่เคยคาดไว้ ๓.๒% ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศประเมินว่าปี ๒๕๖๖ เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง ๓-๔% โดยรายได้หลักจากภาคการส่งออกจะโตลดลงเหลือเพียง ๓-๕% ชะลอตัวลงจากปีนี้ที่เติบโตในระดับ ๕-๘% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่รวมจีนจะมีถึง ๒๐ ล้านคน
นายสนั่นเป็นผู้ส่งมอบ “สมุดปกขาว” ต่อนายสุพัฒนพงษ์ ซึ่งมารับมอบแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อจะนำไปขับเคลื่อนโครงการที่สำคัญเร่งด่วน (flagship projects) ซึ่งมี 3 คีย์เวิร์ด สำคัญ คือ “connect-competitive-sustainable”
“connect” หมายถึงความเชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยหอการค้าไทยตั้งเป้าหมายระดมสมาชิกเพิ่มจาก ๑ แสนราย เป็น ๒ แสนราย ภายใน ๓ ปี สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น
“competitive” หมายถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ สนับสนุนภาครัฐ ขับเคลื่อนการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) ซึ่งเป็นความตกลงการค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุมประชากร ๒,๙๐๐ ล้านคน และจีดีพีคิดเป็น ๖๒% ของเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งขยายการเจรจาความตกลง FTA กับนานาชาติ ต่อยอดความเชื่อมั่นจากการเป็นเจ้าภาพ APEC ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ซึ่งทางหอการค้าไทยจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกหน่วยงาน เพื่อยกระดับ ease of investment และปรับปรุงความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (ease of doing business) ด้านการท่องเที่ยวจะยกระดับการสร้าง soft power ในแต่ละจังหวัด และการท่องเที่ยวเมืองรอง ด้วย happy model และสุดท้าย “sustainable” สร้างอนาคตที่ยั่งยืน
เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะทำสำเร็จหรือไม่ต้องรอดูความคืบหน้าในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ ๔๑ ปี ๒๕๖๖ ซึ่งจะครบรอบ “๙๐ ปีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย” ที่ “กรุงเทพมหานคร” เป็นเจ้าภาพ